ผู้จัดการรายวัน 360 - ทีเส็บเปิดตัวแบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ไทยสำหรับตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรก ณ งาน IMEX Frankfurt 2022 ชูจุดแข็งด้านวัฒนธรรมและโอกาสทางธุรกิจสำหรับการจัดงาน นำ 14 ผู้ประกอบการไมซ์ไทยพบลูกค้าต่างชาติครั้งแรกในรอบ 2 ปี สร้างความมั่นใจไทยพร้อมจัดงาน คว้ายอดการจัดงานจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (lead) 84 งาน คาดการณ์สร้างรายได้กว่า 1,873 ล้านบาท พร้อมดันไทยเป็นจุดหมายใหม่ของการจัดงานอย่างยั่งยืน (Sustainable Event)
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยสำหรับสื่อสารกับตลาดต่างประเทศ Thailand MICE: Meet the Magic เป็นครั้งแรกในงาน IMEX Frankfurt 2022 ณ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการเปิดศักราชใหม่ของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ตอบรับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล และสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางไมซ์ต่างชาติเชื่อมั่นในความพร้อมของประเทศไทยสำหรับการจัดกิจกรรมไมซ์ในทุกรูปแบบ
ปี 2565 นี้ทีเส็บนำผู้ประกอบการไมซ์ไทย รวม 14 ราย ประกอบด้วยบริษัทผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการการเดินทาง (Destination Management Company - DMC) 5 ราย สถานที่จัดงาน 1 แห่ง และโรงแรม 8 แห่ง เข้าร่วมงานเพื่อพบปะเจรจาธุรกิจกับลูกค้าใน Thailand Pavilion ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Thailand MICE: Meet the Magic ที่นำเสนอความพร้อมของประเทศไทยในด้านต่างๆ เช่น มาตรการด้านสาธารณสุขของไทย แนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ (COVID Free Setting) มาตรฐานสถานที่จัดงานในประเทศไทย (MICE Venue Standard) การจัดงานอย่างยั่งยืน ศักยภาพเมืองไมซ์ และแพกเกจสนับสนุนการจัดงาน ทั้งยังมีกิจกรรมมอบของที่ระลึก “พวงมาลัยผ้า” จากชาวบ้านเมืองฮอด จ.เชียงใหม่ ที่เป็นการนำเสนอ Local Experience ผ่านผ้าไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของไทย และทำให้ได้ใจชาวต่างชาติในงานเป็นจำนวนมาก
“IMEX Frankfurt 2022 เป็นงานเทรดโชว์พบปะเจรจาธุรกิจทางด้านไมซ์ที่สำคัญในยุโรป ถือเป็นงานที่รวมผู้ซื้อ (Buyer) ศักยภาพสูงจากทั่วโลก ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 9,000 คน เป็นผู้ซื้อ (Buyer) นานาชาติ 2,876 ราย จากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ที่ต้องการหาสถานที่จัดประชุม สัมมนา และวางแผนการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และมีผู้ขาย (Exhibitor) เข้าร่วมงานจาก 150 ประเทศ นอกจากนั้น ในปีนี้ถือเป็นการจัดงานแบบปกติ (Physical Event) ครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้นทั่วโลกในปี 2563 จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยและอุตสาหกรรมไมซ์ไทยได้พัฒนาและยกระดับตัวเองอยู่ตลอด เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการจัดงานไมซ์ทุกรูปแบบทันทีที่เปิดประเทศ”
การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand MICE: Meet the Magic มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่นำความโดดเด่นของไทยคือ ศักยภาพทางวัฒนธรรม เช่น การบริการ น้ำใจไมตรี ความยืดหยุ่นในการทำงาน การผสานความร่วมมือ เทศกาลประเพณีไทย อาหาร และศักยภาพความเจริญด้านเศรษฐกิจ เช่น ความครบครันของระบบสาธารณูปโภค ระบบโลจิสติกส์ การคมนาคมขนส่ง ที่พัก มาตรฐานระดับสากล มาตรการด้านสุขอนามัยที่ดี เทคโนโลยีที่ทันสมัย มาผนวกหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วนำเสนอให้เห็นเสน่ห์รอบด้านของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางไมซ์ได้อย่างลงตัว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ขับเคลื่อนประเทศไทยในฐานะจุดหมายของการจัดงานไมซ์ให้โดดเด่นในสายตานานาชาติ”
ทั้งนี้ ในส่วนของการเจรจาธุรกิจได้ผลตอบรับจากกลุ่มผู้ซื้อ (Buyer) เป็นที่น่าพอใจ คาดการณ์ว่าจะเกิดการจัดงานจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (lead) ได้ถึง 84 งาน ดึงนักเดินทางไมซ์ต่างชาติเดินทางเข้าประเทศกว่า 28,388 ราย คิดเป็นรายได้ประมาณ 1,873.6 ล้านบาท
นางสาวกฤษณี ศรีษะทิน ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สตรีม อีเวนต์ เอเซีย จำกัด กล่าวว่า “การเข้าร่วมงานกับทีเส็บครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะประเทศไทยได้ผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศ สถานการณ์โรคระบาดลดลง จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ได้พบปะลูกค้าในยุโรปและทราบถึงศักยภาพการตลาด เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่วางแผนมาจัดงานในประเทศไทย จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับวงการไมซ์ไทยและประเทศไทยในภาพรวม”
นางสาวประภา เตรียมศศิธร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แสดงความเห็นว่า “ปีนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม มีการเปิดประเทศในปีที่ทางศูนย์ฯ วางแผนเปิดตัวพื้นที่ประชุมใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลังจากได้ปิดปรับปรุงมา 3 ปี สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่มองหาสถานที่จัดงานใหม่ๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่จะมาจัดงานขนาดใหญ่ระดับผู้ร่วมงาน 1 พันคนขึ้นไป เป็นส่วนที่ได้รับการตอบรับที่ดีเพราะทางศูนย์ฯ สามารถรองรับได้”
ในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรม นางสาวนงเยาว์ รัตนเย็นใจ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท กล่าวว่า “การเข้าร่วมงานในปีนี้เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้พัฒนาการใหม่ๆ แนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของวงการไมซ์ ประการสำคัญคือแรงตอบรับที่ชัดเจนจากลูกค้าต่างประเทศทั้งในส่วนของสมาคม องค์กร บริษัท และนักวางแผนการประชุมที่มีแผนงาน กำหนดการที่ชัดเจนมาพูดคุย เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทย”
นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของ Thailand Pavilion ที่ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการจัดงานอย่างยั่งยืน หรือ IMEX People & Planet Pledge ที่ใช้การออกแบบตามหลักการ Reduce, Reuse, Recycle ในทุกองค์ประกอบ และได้รับการยอมรับในฐานะ Green Booth ทั้งนี้ ทีเส็บได้นำผ้าจากการตกแต่งงานอีเวนต์อื่นๆ กลับมาใช้ใหม่ เช่น ผ้าคลุมเก้าอี้ เข็มกลัดติดสูทของผู้ประกอบการไทย และเลือกใช้โครงสร้างบูทจากวัสดุที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เช่น โครงสร้างเหล็กและผ้า รวมถึงการใช้วัสดุและผู้รับเหมาจากท้องถิ่น เพื่อลดมลพิษและการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง ทำให้ Thailand Pavilion สามารถเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 2.610 ตันคาร์บอน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 158 ต้น และถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของทีเส็บในการผลักดันอุตสาหกรมไมซ์ไทยให้จัดงานอย่างยั่งยืน (Sustainable Event) และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางของการจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืนในระดับโลก