ผู้จัดการรายวัน360- หลังแยกตัวออกมาโตชิบา กรุ๊ปเมื่อปี 61 ล่าสุดปีนี้ “โตชิบา ทีวี” อัดงบ 5% ของยอดขาย หวนรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ทวงคืนบัลลังก์ทีวี ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุค Mobile First ส่งไลน์อัพทีวี 6 รุ่นใหม่มาพร้อมเทคโนโลยี REGZA ลุยศึกสมาร์ททีวี ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 330 ล้านบาท ปูทางสู่ส่วนแบ่งตลาดที่ 10% ใน 5 ปี
นายเจสัน ซู ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานปฎิบัติการต่างประเทศ บริษัท ทีวีเอส เรกซ่า คอร์ปอเรชั่นประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ช่วงปี 2018 (พ.ศ. 2561) กลุ่มผลิตโตชิบา ทีวี ได้แยกตัวออกจากบริษัทแม่ คือ โตชิบา กรุ๊ป แต่ยังคงมี DNA ของโตชิบาอยู่ 100% การแยกตัวออกมาครั้งนี้มาอยู่ภายใต้บริษัทใหม่ ชื่อ บริษัท TVS REGZA Corporation Japan ซึ่ง TVS ย่อมาจาก Toshiba Visual Solutions
ทั้งนี้ที่ผ่านมา TVS ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทีวีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนในส่วนต่างๆให้ดีขึ้น ส่งผลให้เราสามารถนำเสนอสินค้าที่มีประสิทธิภาพด้วยราคาที่เหมาะสม ทำให้ผู้บริโภคให้การตอบรับกับแบรนด์โตชิบาเรื่อยมา โดยพบว่า ในประเทศญี่ปุ่นจากเดิม ในปี2017 โตชิบา ทีวี มีส่วนแบ่งตลาด 12.2% แต่ในปี2022 ครองส่วนแบ่งเป็นอันดับ1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 22.4%
ล่าสุดปีนี้บริษัทพร้อมฉลองครบรอบ 70 ปี ให้กับโตชิบา ทีวีทั่วโลก ถือเป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่หลังแยกตัวออกมา พร้อมกลับมาทำตลาดเองเต็มตัว โดยตลาดในประเทศไทยนั้น โตชิบา ทีวี ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 5% ในปีพ.ศ.2567 และเพิ่มเป็น 10% ในปี2569 หรือภายใน 5ปี นับจากนี้ ซึ่งตั้งแต่มิ.ย.ปีก่อนเริ่มกลับมาทำตลาดเอง จากก่อนหน้ากลุ่มโตชิบา ทีวี อยู่ภายใต้แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์หนึ่ง หลังออกมาจากโตชิบา กรุ๊ป แต่ขาดการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายที่เคยทำได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หรือมีแชร์ 10% ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้จึงเป็นปีที่ทาง TVS REGZA จะกลับมาทำตลาดเองอีกครั้ง อีกทั้งยังมองว่าจากนโยบายการเปิดประเทศและการกำหนดให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในปีนี้ เป็นปัจจัยเชิงบวกสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทยอยฟื้นตัว และการขยายตัวของความเป็นเมืองปัจจัยเหล่านี้ส่งผลดีต่อโตชิบา ทีวี ในการปลุกกระแสความต้องการของผู้บริโภคในตลาดทีวีอีกครั้ง
ด้วยการนำเสนอสมาร์ททีวีที่มาพร้อม นวัตกรรม ดึงคอนเทนต์บนมือถือหรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมารับชมผ่านจอทีวีที่มีขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีภาพและเสียง REGZA ที่ย่อของคำว่า “Real Expression Guaranteed by amazing Architecture นำเสนอเฉพาะโซลูชันที่ดีที่สุด ให้ภาพคมชัดระดับ 4K และเสียงที่สมจริงประหนึ่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ พร้อมคุณสมบัติอัจฉริยะอีกมากมาย ในราคาที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ง่าย
ด้านนายพงษ์เทพ ศิริสกุลเวโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกขายผลิตภัณฑ์ทีวี บริษัท TVS REGZA Corporation Thailand Office กล่าวว่า ปี2565นี้ โตชิบา ทีวี พร้อมแนะนำไลน์อัพทีวีรุ่นใหม่รวม 6 รุ่น ได้แก่ X990 ซีรี่ส์, Z770 ซีรี่ส์, M550 ซีรี่ส์, C350 ซีรี่ส์, V35 ซีรี่ส์ และ S25 ซีรี่ส์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ภาพ REGZA Engine 4K PRO, ระบบอัจฉริยะหลักของโตชิบา AI Ultra Essential PQ Technology พร้อมทั้งระบบ REGZA Engine ที่ช่วยยกระดับภาพคอนเทนต์ Full HD ในทุกๆ เนื้อหา เพื่อยกระดับความบันเทิงทั้งภาพและเสียงให้เสมือนการรับชมอยู่ในโรงภาพยนตร์ ภายใต้รูปลักษณ์ดีไซน์มินิมอลสไตล์ แต่คงไว้ซึ่งโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทาน พร้อมออกแบบเส้นสายในแนวตั้งและแนวนอนให้สอดคล้องกับพื้นที่อยู่อาศัย ผสมผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างลงตัว
ทั้งนี้โตชิบา ทีวี ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 10% ภายใน 5 ปี เพื่อขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายทั้งยอดขายและส่วนแบ่งตลาด เราจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยกระตุ้นการซื้อ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค การขยายช่องทางการขาย ส่งเสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและสร้างการรับรู้แบรนด์ให้ดียิ่งขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงรีวิวโดยนักอินฟลูเอนเซอร์ และการชูจุดแข็งขององค์กรให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังชูกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล FIFA World Cup 2022 อย่างเป็นทางการ และฉลองครบรอบ 70 ปี ของโตชิบา ทีวี เพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มเป้าหมาย มั่นใจว่าในปี2565นี้ บริษัทจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 330 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดราว 2% จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1%เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาภาพรวมของตลาดทีวีในประเทศไทย มีมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท อยู่ในภาวะค่อนข้างอิ่มตัว และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 3% ต่อปี มาจากภาคเศรษฐกิจที่หดตัวจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 ภายในประเทศ และวิถีชีวิตของคนในสังคมที่เข้าสู่ยุค Mobile First เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เมื่ออยู่นอกบ้านและภายในบ้าน แต่ขณะเดียวกันได้เป็น ความท้าทายครั้งใหม่ ของผู้ผลิตทีวีโดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ททีวี ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 50% ในกลุ่มยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์ ขณะที่ไทยยังอยู่ที่ 25% ของมูลค่าตลาดทีวีในไทย.