“จุรินทร์” เผยเตรียมเสนอ กนป. วันที่ 23 พ.ค.นี้ไฟเขียวตั้งคณะอนุกรรมการดูเรื่องปาล์มครบวงจร ทั้งราคาและปริมาณไม่ให้ขาดแคลน พร้อมสั่งตรวจสต๊อกและรายงานทุกสัปดาห์ ส่วนการลดส่วนผสมน้ำมันปาล์มในดีเซลหรือไม่เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีน้ำมันปาล์มว่า ขณะนี้ในเรื่องของปาล์มเกษตรกรพอใจมาก เพราะราคาผลปาล์มสูงขึ้นจาก 2-3 ปีที่แล้วที่กิโลกรัมละ 2 บาทกว่า ตอนนี้ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 11-12 บาท เป็นที่พอใจของเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน แต่จะมีผลให้ผู้ประกอบการโรงสกัดและโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มขวดบริโภคมีต้นทุนสูงขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปทำ คือ เรียกประชุมทุกฝ่าย พยายามกำกับราคาน้ำมันปาล์มบริโภคไม่ให้กลายเป็นค้ากำไรเกินควร และพยายามกดราคาลงมา ทำให้ขณะนี้ผลปาล์มกิโลกรัมละ 11-12 บาท ราคาน้ำมันปาล์มขวดตามโครงสร้างต้องขึ้นเป็นประมาณ 75-76 บาทต่อขวด แต่กระทรวงพาณิชย์ดูให้อยู่ในราคาประมาณ 65-68 บาท ปรับลงมาประมาณ 10 บาท
ทั้งนี้ ยังได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายตลาดปาล์ม โดยให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วยตัวแทนทั้งหมด 5 ฝ่าย ได้แก่ 1. ตัวแทนส่วนราชการ 2. ตัวแทนภาคเกษตรกร 3. ตัวแทนโรงสกัด 4. ตัวแทนของโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มขวดบริโภค และ 5. ตัวแทนผู้ส่งออกที่เป็นผู้มีส่วนร่วม พิจารณาดูเรื่องปาล์มครบวงจร ทั้งราคาผลปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มขวดบริโภค ให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ไม่ค้ากำไรเกินควร และดูปริมาณไม่ให้ขาดตลาด โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ (กนป.) วันที่ 23 พ.ค. 2565 จากนั้นจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการฯ มาดูแลปาล์มทั้งระบบ และยังได้สั่งการให้มีการตรวจสต๊อกทุกสัปดาห์และรายงาน ซึ่งตนคิดว่าเป็นรูปธรรมที่สุดและเป็นทั้งนโยบายเชิงรุกและนโยบายเชิงลึก
สำหรับนโยบายก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ราคาผลปาล์มตกต่ำ และเป็นที่มาของการส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันปาล์มมากขึ้น โดยผสมกับน้ำมันดีเซลเป็น บี 7 บี 10 บี 20 แต่พอถึงช่วงนี้ น้ำมันปาล์มราคาสูงขึ้นมาก เมื่อผสมน้ำมันดีเซลทำให้ราคาสูงตามไปด้วย เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมในสถานการณ์นี้ว่าอยู่ตรงไหน อย่างไร โดยให้ผู้มีหน้าที่และเชี่ยวชาญโดยตรงเข้าไปพิจารณา โดยตนดูเรื่องราคาและปริมาณไม่ให้ขาดแคลน
ทางด้านสถานการณ์ราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากจากราคาน้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล ค่าขนส่งจะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้ราคาสินค้าต้องปรับสูงขึ้นด้วยบางส่วน เมื่อเทียบกับส่วนกลางหรือกรุงเทพฯ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงลึกในการแก้ไขปัญหา โดยลงลึกดูสินค้ารายตัว การพิจารณาอนุญาตให้ปรับราคาขึ้น ต้องดูรายละเอียดของสินค้าแต่ละตัว ไม่เช่นนั้นจะกระทบผู้บริโภคเกินสมควร ถ้าพบว่าสินค้ารายใดเข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด และได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดจะต้องร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการดูแลเรื่องราคาสินค้าและบริการของจังหวัดเข้าไปบริหารจัดการ ถ้าพบการค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ