นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ด้านการตลาด ครั้งที่ 1/65 ว่า ขณะนี้ราคาผลปาล์มน้ำมันสูงขึ้นมากกว่ากิโลกรัมละ 8-12 บาท จากก่อนหน้านี้ที่กิโลกรัมละ 2 บาทกว่า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์กับเกษตรกร และเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล แต่อาจกระทบต่อต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ฝ่าย คือ หน่วยงานภาครัฐ ตัวแทนเกษตรกร และตัวแทนผู้ประกอบการ ทั้งสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการผลปาล์มสดของเกษตรกร การผลิตน้ำมันปาล์มดิบของโรงสกัด และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มรีไฟน์ เข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ใช่นำไปส่งออกจนเกิดภาวะขาดแคลนในประเทศ และมีเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยแม้จะมีการขอปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มขวด ก็ต้องไม่ปรับขึ้นสูงจนเกินไป เพื่อให้กระทบกับผู้บริโภคน้อยที่สุด ขณะที่ผู้ผลิตก็ยังสามารถทำธุรกิจต่อไปได้
สำหรับคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว มีหน้าที่สำคัญ คือ วิเคราะห์สถานการณ์การผลิต การตลาด ราคา และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่อาจกระทบต่อราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์ม กำหนดปริมาณสตอกน้ำมันปาล์มดิบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ เพื่อป้องกันน้ำมันปาล์มขาดแคลน กำหนดมาตรการ แนวทาง เงื่อนไข หลักเกณฑ์ วิธีการและอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการทำให้เกิดความสมดุลของน้ำมันปาล์มให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบข้อสั่งการของกรมการค้าภายใน ที่สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสตอก และรายงานสตอกให้คณะอนุกรรมการชุดนี้รับทราบทุก 7 วัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด