การบินไทย MOU ปตท.ศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ และโลจิสติกส์ เล็งตั้งบริษัทร่วมทุนใน 1 ปี ดันไทยเป็นฮับขนส่งครบวงจร การบินไทยเผยรายได้คาร์โก้ 70% โอกาสโตต่อเนื่อง จับมือ ปตท.เพิ่มโอกาสขยายศักยภาพคลังสินค้าสุวรรณภูมิและเที่ยวบินคาร์โก้ ขนส่งสินค้าทางอากาศ และโลจิสติกส์
วันที่ 13 พ.ค. 2565 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้จัดพิธีร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือทางธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายชาญสักดิ์ ชื่นชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่หน่วยธุรกิจการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นพยาน โดยมี นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ร่วมด้วย นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมในพิธี ณ สำนักงานใหญ่ การบินไทย ถ.วิภาวดีรังสิต
นายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ หรือธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistics) มีการขยายตัวและมีแนวโน้มเติบโตสูงมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา การบินไทยไม่สามารถทำการบินขนส่งผู้โดยสารได้ตามปกติ แต่ธุรกิจคาร์โก้การบินไทยยังคงให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้าภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม เช่น ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ รวมทั้งสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีน อีกทั้งยังมีบริการเที่ยวบินขนส่งสินค้าเช่าเหมาลำ (Charter Fught) อย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร ลูกค้าสามารถกำหนดเส้นทางตามจุดบินของการบินไทย เลือกเวลาการขนส่งสินค้าตามตารางบินและกำหนดแบบเครื่องบินได้ตามขนาดบรรทุกได้อย่างสะดวก
ทั้งนี้ การบินไทยและ ปตท.ได้ตั้งทีมงานในการศึกษาแนวทางความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือทางธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศกับ ปตท.ในครั้งนี้ เพื่อศึกษาในการร่วมมือการทำงานร่วมกันในการยกระดับขีดความสามารถการบูรณาการธุรกิจโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางอากาศในระดับประเทศและภูมิภาคอย่างครบวงจร ซึ่งการบินไทยมีความเชี่ยวชาญและความพร้อม ทั้งในด้านเที่ยวบินขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (Freighter) กิจการคลังสินค้า (Cargo Warehouse) กิจการให้บริการระบบสนับสนุนการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (Commercial Platiorm) และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบัน เป็นช่วงสถานการณ์ไม่ปกติเนื่องจากเกิดโควิด-19 การขนส่งผู้โดยสารมีข้อจำกัด แต่การขนส่งสินค้าทางอากาศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้เติบโตมาตลอด ซึ่งรายได้จากคาร์โก้ช่วยสร้างกระแสเงินสดให้บริษัทมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยในแต่ละเที่ยวบินจะมีสัดส่วนรายได้จากคาร์โก้ 70% จากผู้โดยสาร 30% แต่หากในอนาคต การขนส่งผู้โดยสารกลับสู่ปกติ รายได้จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่วนด้านคาร์โก้ หากมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น คณะทำงานจะศึกษาในการปรับปรุงเครื่องบินโดยสารที่มีศักยภาพ ให้เป็นเที่ยวบินขนส่งสินค้าหรือ Freighter โดยเฉพาะเพื่อรองรับอย่างไร เช่น เครื่องบินโบอิ้ง B 777 เครื่องบิน แอร์บัส B330 เป็นต้น
นอกจากนี้ การบินไทยมีคลังสินค้าในเขตพื้นที่ฟรีโซนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีแนวโน้มในการขยายและพัฒนาการบริหารจัดการได้อีกมาก ขณะที่ ปตท.มีลูกค้าและมีเทคโนโลยี มีระบบโลจิสติกส์ที่จะเข้ามาร่วมมือกันได้
ทั้งนี้ รูปแบบการร่วมมือระหว่างการบินไทยกับ ปตท.นั้น จะรอผลการศึกษาที่ชัดเจนก่อน โดยอาจจะเป็นการร่วมทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งคาดว่าจะสรุปภายใน 1 ปี จะมีความชัดเจนในเรื่องวงเงินที่จะลงทุน และโครงสร้างการร่วมทุนต่างๆ
ซึ่ง ปตท.เป็นองค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและขีดความสามารถสูง ความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากเป็นการแสวงหาโอกาสและต่อยอดทางธุรกิจร่วมกัน ยังแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อการบินไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่งสินค้าและบริการ รวมทั้งก่อให้เกิดการพัฒนาทางธุรกิจอันจะนำไปสู่การผสานความร่วมมือระหว่างองค์กร (Synerg) ในมิติต้านต่างๆ ในอนาคต อีกทั้งเป็นการส่งเสริมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สร้างโอกาสให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรของภูมิภาคอาเซียน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.มุ่งพัฒนา ต่อยอตนวัตกรรม และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้พร้อมรับการแข่งขันบนเวทีโลก ด้วยวิสัยทัศน์ "Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต" โดยในด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ปตท.มีนโยบายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร ทั้งทางบก ทางน้ำ การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 และท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ส่วนทางรางมีคลังสินค้าที่ขอนแก่น ขณะที่ ปตท.มีสินค้าที่ต้องขนส่งจำนวนมาก และทางอากาศ จะร่วมมือกับการบินไทย รวมถึงการบริหารคลังสินค้า ควบคู่กับการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์ประสบความสำเร็จได้
ปตท.จึงมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร (Thid Party Logistics) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ โดย ปตท.และการบินไทยจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยให้เติบโตและแข็งแกร่ง พร้อมเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นการร่วมกันสร้างประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืนได้ต่อไป