ตามที่สำนักงาน กสทช.ได้จัดการประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ โดยการประมูลคลื่นวิทยุในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในรอบ 92 ปี ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านระบบการใช้งานคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงไปสู่ระบบใบอนุญาต โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลจำนวน 71 คลื่นความถี่
Atime หนึ่งในค่ายวิทยุรายใหญ่ที่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ ด้วยการยื่นประมูลคลื่นกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ที่ราคาสูงที่สุดในกลุ่มคลื่นวิทยุในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช.ส่งหนังสือแจ้งผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็มในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจและเป็นเจ้าตลาดในสื่อวิทยุมานานกว่า 30 ปี ปัจจุบัน Atime มีฐานผู้ฟังจำนวนมากทั้งออนแอร์และออนไลน์แพลตฟอร์มเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสื่อวิทยุให้มีความเคลื่อนไหวสร้างปรากฏการณ์ในแวดวงสื่ออยู่ตลอดเวลา
นายสมโรจน์ วสุพงศ์โสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ Atime (เอไทม์) กล่าวหลังการรับรองผลการประมูลว่า “ในฐานะผู้นำตลาดและวันนี้ กสทช.ประกาศให้มีการประมูลเราก็ทำตามขั้นตอนกฎหมาย โดยเอกชนที่ชนะการประมูลจะได้รับใบอนุญาตวิทยุประเภทธุรกิจได้รับสิทธิใช้ใบอนุญาต 7 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 เป็นต้นไป การเป็นเจ้าของคลื่นวิทยุเต็มรูปแบบครั้งแรก จากเดิมที่เป็นคลื่นวิทยุของหน่วยงานรัฐ ข้อนี้ส่งผลดีเมื่อเราเป็นเจ้าของร้อยเปอร์เซ็นต์สามารถบริหารจัดการวางแผนพัฒนาได้เต็มรูปแบบที่เรารู้กรอบเวลาและวางแผนล่วงหน้าได้ระยะยาว โดยตลอดระยะเวลาที่ Atime เป็นผู้ดำเนินการบริหารคลื่นกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม มี Market Share และฐานคนฟังจำนวนมากที่สุด แบรนดิ้งแข็งแรงและมีกลุ่มแฟนที่ Loyalty ยังไง Atime ก็เดินหน้าทำต่อ ซึ่งที่ผ่านมายังคงมีกำไรและมีรายได้เป็นอันดับหนึ่งอยู่ในกลุ่มวิทยุอีกด้วย”
“ผมมองว่าสื่อวิทยุยังคงเป็นสื่อหลักของคนปัจจุบันตราบใดที่คนยังฟังเพลงฟังข่าวสารในขณะขับรถ ยังเปิดฟังเพลงขณะทำงาน อ่านหนังสือ ยังไงวิทยุก็ยังเป็นสื่อที่อยู่กับชีวิตประจำวันของคนอยู่ เพียงแต่ว่าตัวรับสารเปลี่ยนไป ถ้าฟังในรถก็ยังคงเป็นเครื่องรับวิทยุ ฟังที่ทำงานที่บ้านคงเป็นเรื่องของการฟังผ่านออนไลน์ แอปพลิเคชัน Atimeonline หรือเว็บไซต์ www.atime.live ของเราที่สามารถฟังได้ตามแต่ไลฟ์สไตล์ซึ่งเราพัฒนารองรับไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นจากการสำรวจสื่อที่เป็นเรื่องเสียงโดยเฉพาะวิทยุก็ยังพัฒนาต่อไปในรูปแบบต่างๆ ได้ เพราะประโยชน์ของสื่อที่เป็นเสียงบางทีมันสามารถทำอะไรควบคู่ไปได้ด้วยกันได้เป็น Multifuction ที่คนยุคนี้ต้องทำอะไรๆพร้อมกัน เพราะฉะนั้นสื่อที่เป็นเสียงเช่นวิทยุก็เป็นอีกสื่อหนึ่งที่จะยังอยู่กับไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันไปอีกนาน” นายสมโรจน์กล่าว
นายสมโรจน์กล่าวเสริมถึงแผนในปี 2565 จากนี้ว่า “Atime เราวางแผนกันมาล่วงหน้าค่อนข้างนานแล้ว ปีนี้เราประกาศตัวเลยว่า Atime ไม่ใช่แค่วิทยุ แต่เราเป็น The Entertainment Creator ที่ทำคอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิงในทุกรูปแบบ เชื่อมต่อออนแอร์-ออนไลน์ (O2O) ไม่ใช่เฉพาะเสียงไม่ใช่เฉพาะวิทยุอย่างเดียว มีแอปพลิเคชันที่เรากำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งอีกหน่อยแอปพลิเคชันเหล่านี้ก็ไม่ใช่แค่ฟังได้แค่วิทยุกรีนเวฟ และอีเอฟเอ็มเท่านั้น เราเพิ่มออนไลน์สเตชันขึ้นอีก 3 คลื่น เข่น White POP เสิร์ฟแนวเพลงป็อป / Hot Wave ที่เราเอากลับมาทำเป็นออนไลน์สเตชัน เป็นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น และ Cassette เอาใจคอเพลงเก่ายุค 80-90 และอีกคลื่นออนไลน์เดิมที่เราทำรีแบรนดิ้ง Chill ที่จะเป็นคลื่นที่มีเพลย์ลิสต์ และมีเนื้อหาไลฟ์สไตล์ที่เป็นเทรนด์ใหม่ๆ ไม่ซ้ำใคร เรียกว่าเราเพิ่มความหลากหลายเหล่านี้เพื่อคนฟังในปีนี้เลย นอกจากนี้ยังวางแผนเพิ่มสื่อที่เป็นเสียง เช่น พอดแคส และออดิโอบุ๊ก ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่เติบโต ลงในแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่ของ Atime ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ด้วย”
“ปัจจุบันนี้เรายังเป็นผู้ผลิตรายการทีวี แฉ ทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25 แล้วก็มีรายการ คชาภาพาไปมู ทางช่องไทยรัฐทีวี อีกหนึ่งรายการ ซึ่งในอนาคตวางแผนจะทำรายการทีวีเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ที่เราเริ่มเข้ามาทำทั้งบน OTT แพลตฟอร์ม และออกอากาศทางทีวีด้วย เช่นที่ผ่านมาอย่างซีรีส์อังคารคลุมโปง เดอะซีรีส์ ซึ่งจะเป็นเรื่องราวต่อยอดมาจากรายการทอล์กจากวิทยุของคลื่นอีเอฟเอ็ม ซึ่งก็ได้รับความนิยมหลังจากออกอากาศเรตติ้งค่อนข้างดีและยังสามารถได้อันดับหนึ่งบนแอปฯ AIS PLAY ด้วยในช่วงที่ออกอากาศ โดยหลังจากนี้เราก็จะมีซีรีส์เรื่องใหม่ที่ต่อยอดจากวิทยุอีกและอยู่ในระหว่างการคิดและพัฒนา เช่น ใต้โต๊ะทำงาน ก็จะกลายมาเป็นซีรีส์เช่นเดียวกัน ตอนนี้ถ่ายทำไปแล้วและเตรียมออกอากาศในเดือนพฤษภาคมนี้ และที่กำลังออนแอร์อยู่ทางช่องวัน 31 AIS PLAY ก็เป็นซีรีส์ที่เราร่วมกับบริษัทของดีเจเอกกี้เปิดค่ายในนาม Atime26 ผลิตซีรีส์วาย “OUR DAYS รักได้ไหมนายไม่ยิ้ม” และต่อจากนี้วางแผนผลิตคอนเทนต์ซีรีส์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจากนี้เราคือ The Entertainment Creator” นายสมโรจน์กล่าว