xs
xsm
sm
md
lg

“กกร.” ถกพรุ่งนี้รับมือวิกฤตยูเครน-รัสเซีย หวั่นฉุดรั้ง ศก.ไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกร.นัดถก 2 มี.ค.ระดมสมองวิเคราะห์ปัญหาวิกฤตยูเครน-รัสเซีย เช็กละเอียดผลกระทบทั้งภาคการผลิต การค้า การท่องเที่ยวและการเงินเตรียมพร้อมรับมือ หวั่นราคาพลังงาน วัตถุดิบกดดันราคาสินค้าอุปโภคบริโภคขยับขึ้น หากยืดเยื้อกระทบรอบด้าน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยมี นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม กกร. 
วันที่ 2 มีนาคมนี้จะนำประเด็นเกี่ยวกับกรณีวิกฤตยูเครน-รัสเซีย เข้าหารือเพื่อประเมินผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2565 ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด

“กกร.เดือน ม.ค.ได้มีการประเมินเศรษฐกิจไทยคงเดิมไว้ที่จีดีพีจะเติบโตระดับ 3-4.5% ส่งออก 3-5% และเงินเฟ้อ 1.2-2% ต่อมา ก.พ.ได้ปรับเงินเฟ้อเพิ่มเป็น 1.5-2.5% เพราะราคาน้ำมันที่สูง โดยขณะนั้นยังไม่มีปัจจัยกรณีรัสเซียบุกยูเครนเข้ามา การประชุม กกร.ครั้งนี้จึงต้องนำประเด็นต่างๆ มาดูอีกครั้ง โดยยอมรับว่ากรณีการสู้รบครั้งนี้จนนำมาสู่มาตรการคว่ำบาตรต่างกับรัสเซียมีแนวโน้มในแง่ผลกระทบเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นที่ยืดเยื้อ” นายเกรียงไกรกล่าว

ทั้งนี้ กกร.จะระดมสมองทั้งภาคการผลิต การส่งออก รวมไปถึงการท่องเที่ยวเพื่อพิจารณาผลกระทบรอบด้าน ทั้งในแง่ของระดับราคาน้ำมันระยะสั้นที่จะสูงขึ้นโดยจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าต่างๆ ทั้งค่าขนส่ง และวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งเหล็ก ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์จะสูงขึ้นเนื่องจากยูเครนเป็นแหล่งส่งออกข้าวสาลีที่สำคัญ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคของไทยอาจมีทิศทางขาขึ้นและจะกระทบต่อภาวะค่าครองชีพได้

ขณะเดียวกัน ในแง่ของการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อการส่งออกก็คงจะต้องหารือกรณีที่สหรัฐฯ อังกฤษ และชาติสมาชิกยุโรป (อียู) ได้ตัดรัสเซียออกจากระบบสื่อสารโทรคมนาคมทางการเงินหรือ SWIFT ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และรวมไปถึงการท่องเที่ยวที่กรณีดังกล่าวจะกระทบต่อการเดินทางมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไทยคาดหวังว่าปีนี้จะมีอย่างน้อย 6 ล้านคนอาจไม่ง่ายนักจากสถานการณ์ดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น