xs
xsm
sm
md
lg

ยอดผลิตรถยนต์ ม.ค.โต 2.45% จับตาชิปขาด-วิกฤตยูเครนหวั่นฉุดส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.เผยการผลิตรถยนต์ ม.ค. 65 อยู่ที่ 151,747 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.45% ขณะที่การจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 25.8% แต่การส่งออกลดลง 5.8% เนื่องจากการขาดแคลนชิป โดยคาดว่าปัญหานี้ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด รวมถึงกรณีวิกฤตยูเครน-รัสเซียที่อาจกระทบต่อการส่งออกได้

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์เดือน ม.ค. 65 มีทั้งสิ้น 151,747 คัน เพิ่มขึ้นจาก ม.ค. 64 จำนวน 2.45% แต่ลดลงจากเดือน ธ.ค. 64 จำนวน 1.7% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 74,708 คันซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ม.ค. 64 จำนวน 19.88% หรือคิดเป็น 49.23% ของการผลิตทั้งหมด และการผลิตเพื่อการส่งออก 77,039 คันซึ่งปรับตัวลดลงจาก ม.ค. 64 จำนวน 10.21% หรือคิดเป็นสัดส่วน 50.77% ของยอดการผลิตทั้งหมด โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การผลิตเพื่อการส่งออกลดลงยังคงเป็นปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (CHIP) จากทั่วโลกและยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงกรณีความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

“ความต้องการชิปจากทั่วโลกยังคงมีสูงเนื่องจากโควิด-19 ทำให้ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีมากขึ้น รวมไปถึงยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ขณะที่การผลิตยังฟื้นตัวไม่ทัน ปัญหานี้ยังคงไม่คลี่คลายเท่าใดนัก โดยหลายฝ่ายมองว่าปัญหานี้จะยังลากยาวไปถึงปี 2566 ขณะเดียวกันกรณีวิกฤตในยูเครนเองก็ต้องดูว่าการสู้รบจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด และรวมไปถึงมาตรการแซงก์ชันต่างๆ ที่จะออกมาเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะงักงันซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยได้” นายสุรพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ ปัญหาขาดชิปส่งผลให้การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของไทยในเดือน ม.ค. 65 อยู่ที่ 69,833 คัน โดยลดลงจาก ธ.ค. 64 จำนวน 31.07% และลดลงจาก ม.ค. 64 จำนวน 5.8% โดยการลดลงเนื่องจากการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออก ม.ค. 64 อยู่ที่ 12,519 คัน ลดลงจาก ม.ค. 64 ถึง 58.24% จากการขาดเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้ส่งออกลดลงเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลียและอเมริกากลางอเมริกาใต้ที่เพิ่มขึ้น 16.09% และ 78.75% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกกลุ่มรถยนต์ (เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่) ม.ค. 65 พบว่ามีมูลค่า 65,983.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ม.ค. 64 ถึง 6.58% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการผลิตรถกระบะ PPV เพื่อการส่งออก ม.ค. 65 อยู่ที่ 9,252 คัน เพิ่มขึ้น 62.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งรถยนต์ดังกล่าวมีราคาค่อนข้างสูง

สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน ม.ค. 65 มีจำนวนทั้งสิ้น 69,455 คัน ลดลงจาก ธ.ค. 64 จำนวน 19.37% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 25.8% โดยปัจจัยที่เพิ่มขึ้นมาจากรัฐบาลได้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฯลฯ และการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ รวมทั้งการส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะช่วยให้ยอดขายไตรมาสแรกเติบโตขึ้น

นายสุรพงษ์กล่าวถึงแนวโน้มการจดทะเบียนใหม่หรือยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2565 ว่า จากนโยบายรัฐได้ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี และการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยานยนต์ทั้งระบบใหม่คาดว่ายอดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีประมาณ 1,900 คันหรือเติบโตประมาณ 2 เท่าตัว เนื่องจากคาดว่าจะมีการนำเข้ารถอีวีรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาต่ำราว 3-6 แสนบาทต่อคันมาทำตลาดมากขึ้น

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มกราคม 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 12,005 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100.58% อย่างไรก็ตาม กรณีที่รัฐได้มีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยานยนต์ทั้งระบบใหม่นั้นก็เห็นว่ามีความเหมาะสมที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อร่วมกันลดภาวะโลกร้อน ซึ่งค่ายรถได้วางแนวทางในการพัฒนาเพื่อลดการปล่อยมลพิษลงอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น