xs
xsm
sm
md
lg

ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ปั้นแฟรนไชส์ “ฮ็อป อินน์” เป้า 100 แห่งปี 68 คุมตลาดบัดเจ็ตโฮเต็ล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เชื่อมั่นตลาดท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพ เร่งเดินหน้าขยายเครือข่ายโรงแรม “ฮ็อป อินน์” ทั้งสร้างเองและแฟรนไชส์ ตอกย้ำจุดแข็งผู้นำตลาดโรงแรมบัดเจ็ตในประเทศไทย พร้อมทั้งพัฒนาองค์กรภายใต้การเติบโตที่ยั่งยืน

นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ได้ก่อตั้งมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทที่รุนแรงและยาวนานมากที่สุด โดยที่ผ่านมาบริษัทได้บริหารงานโดยเน้นการปรับตัวตามสถานการณ์และปรับเปลี่ยนแผนรับมือเพื่อลดผลกระทบและความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจอยู่ตลอดเวลา


“การดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์วิกฤตในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็ทำให้เรามีการปรับตัวที่ยืดหยุ่น และเรียนรู้วิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจากสถานการณ์การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายหลังการปลดล็อกมาตรการครั้งล่าสุดทำให้เรามีความมั่นใจว่าการท่องเที่ยวในประเทศได้เริ่มมีการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ตของเราซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีการฟื้นตัวของอัตราเข้าพักที่รวดเร็ว โดยมีอัตราการเข้าพักเกิน 60% ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และบางสาขาสามารถทำอัตราเข้าพักได้ถึง 80-90%”

ผลการดำเนินงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของกลุ่มโรงแรม “ฮ็อป อินน์” ตอกย้ำให้บริษัทมีความมั่นใจในแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการขยายเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ตให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 นี้มีโรงแรมใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนามีทั้งหมด 9 โรงแรม แบ่งออกเป็นประเทศไทย 7 แห่ง และประเทศฟิลิปปินส์ 2 แห่ง และคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปีนี้


โดยโรงแรมในประเทศไทยยังคงเป็นแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ทั้งหมด ขณะที่โรงแรมใหม่ที่กำลังจะเปิดในประเทศฟิลิปปินส์นั้น ได้แก่ “ฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮ็อป อินน์ เซบู บิสสิเนส พาร์ค” ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของบริษัทในฟิลิปปินส์ที่ใช้โมเดล “Combo Hotels” ผสมกันระหว่างแบรนด์ “ฮอลิเดย์ อินน์” ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลก และแบรนด์ ฮ็อป อินน์ ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัท
“ทิศทางธุรกิจของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ในอนาคตเราตั้งเป้าจะเป็นผู้นำเครือข่ายโรงแรม “บัดเจ็ต” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยกระดับมาตรฐานการให้บริการโรงแรมระดับบัดเจ็ตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเพื่อส่งมอบคุณค่าในการเข้าพักที่ดีให้แก่ลูกค้าของเราทุกคน”

ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดให้บริการโรงแรม “ฮ็อป อินน์” ซึ่งบริษัทเป็นผู้ลงทุนและบริหารเองมาโดยตลอดนั้น แบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นที่ยอมรับของนักเดินทางในประเทศไทยในด้านราคาที่คุ้มค่า ห้องพักที่ได้มาตรฐาน และการบริการที่อำนวยความสะดวกตอบสนองลูกค้าชาวไทยได้อย่างดี ทำให้ในปี 2565 นี้บริษัทได้มีความพร้อมในการเพิ่มโมเดลธุรกิจสำหรับการขยายเครือข่ายแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สามารถเพิ่มเครือข่าย “ฮ็อป อินน์” ในพื้นที่ยังไม่มีโรงแรมฮ็อป อินน์ หรือในอำเภอรองต่างๆ โดยจะเปิดให้ผู้ลงทุนเข้าร่วมได้ทั้งรูปแบบสร้างใหม่และปรับปรุงอาคารเดิม และบริษัทได้เตรียมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนสามารถบริหารโรงแรมได้เองภายใต้มาตรฐานของ “ฮ็อป อินน์”


“โรงแรมของเราที่บริหารเองและแฟรนไชส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะผนึกกำลังเป็นเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ตที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพ ด้วยราคาห้องพักที่คุ้มค่า รูปแบบโรงแรมและการบริการที่ได้มาตรฐานระดับดีเยี่ยมเท่ากันทุกสาขา อีกทั้งครอบคลุมทุกจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั้งเมืองหลักและเมืองรอง โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีจำนวนโรงแรมบัดเจ็ตในประเทศไทยให้ถึง 100 แห่งในปี 2568 ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีโรงแรม ฮ็อป อินน์ ที่เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 47 แห่ง และกำลังดำเนินการพัฒนาอีก 7 แห่ง”

นอกจากการขยายเครือข่ายโรงแรมฮ็อป อินน์ บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาจุดแข็งทางการแข่งขันของแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ สำหรับช่องทางการให้บริการภายในโรงแรมตั้งแต่การจองห้องพักจนถึงการเข้าพัก การพัฒนาระบบสมาชิก HOP INN ให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าท่องเที่ยว รวมถึงการปรับรูปแบบโรงแรมและห้องพักให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ สิ่งที่บริษัทยังให้ความสำคัญคือมาตรการ Safe Stay at HOP INN ที่โรงแรม “ฮ็อป อินน์” ทุกแห่งต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความสะอาดและปลอดภัยอย่างเคร่งครัด


นอกจากแผนการขยายการเติบโตทางธุรกิจ บริษัทยังให้ความสำคัญต่อการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยกำหนดวิสัยทัศน์ “Together for the Better” ซึ่งจะเป็นการสอดประสานกันระหว่างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจควบคู่ไปกับการตอบสนองต่อความต้องการทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีขึ้น การยกระดับการเพิ่มศักยภาพบุคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจในกระบวนการทำงาน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างให้องค์กรมีความเข้มแข็งและเพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ โดยประกอบธุรกิจโรงแรมครอบคลุมทุกระดับชั้นตั้งแต่โรงแรมระดับ 5 ดาว จนถึงโรงแรมระดับบัดเจ็ต ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีโรงแรมในประเทศไทยทั้งหมด 67 โรงแรม ครอบคลุมจังหวัดท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญทั่วประเทศไทย สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ บริษัทฯ มีโรงแรมทั้งหมด 6 แห่งในเมืองมะนิลา








กำลังโหลดความคิดเห็น