“อุตตม” โพสต์ย้ำโมเดล “รีสตาร์ทท่องเที่ยวไทย” เผย ผู้ประกอบการวอนเสริมสภาพคล่อง-เติมทุนใหม่ เพื่อฟื้นกิจการหลังโควิดทุเลา มั่นใจ “กองทุนท่องเที่ยว” 2 หมื่น ล. พลิกฟื้นภาคท่องเที่ยวทุกมิติ เน้น 4 ด้าน “ซ่อมแซม-เทคโนโลยี-พัฒนาคน-รักษาสิ่งแวดล้อม” พร้อมดัน “ท่องเที่ยว” เชื่อม “การเกษตร-วิสาหกิจชุมชน” เสริม ศก.เข้มแข็งจากฐานราก
วันนี้ (14 ก.พ. 65) นายอุตตม สาวนายน แกนนำ และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ดร.อุตตม สาวนายน” ถึงการเข้าร่วมหารือกับคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนแสวงหาทางออก และฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างอนาคตการท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน
โดย นายอุตตม ระบุตอนหนึ่งว่า จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้ได้รับรู้ถึงข้อมูลสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งโอกาสในการสร้างรายได้ที่ประเทศต้องสูญเสียไป คิดเป็นเม็ดเงินมหาศาล โดยก่อนหน้าเกิดโรคระบาด ประเทศไทยเคยมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านล้านบาท ในปี 2562 แต่วันนี้หายไป 90% โดยเมื่อปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึงเกือบ 40 ล้านคน ปี 2563 เหลือ 7 ล้านคน และในปี 2564 เหลือเพียง 4 แสนคนเท่านั้น
“ทำให้คนกว่า 7 ล้านคน ทั้งผู้ประกอบการและแรงงานในภาคท่องเที่ยว ต้องพบกับความยากลำบาก โดยส่วนที่เป็นแรงงานประเมินว่า 70-80% ต้องตกงาน ส่วนที่เป็นเจ้าของกิจการนั้นส่วนใหญ่เป็นรายเล็กเป็นเอสเอ็มอี มีจำนวนมากที่ต้องปิดกิจการไป เพราะแบกรับปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่าต่อเนื่อง” นายอุตตม ระบุ
นายอุตตม ระบุอีกว่า ผู้ประกอบการในที่ประชุมได้สะท้อนว่า ต้องการเห็นมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่สามารถแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อน ได้อย่างครอบคลุมในทุกกลุ่มของการท่องเที่ยว ไม่เพียงแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นอกจากนั้น ยังอยากเห็นการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลืออย่างตรงจุด รวมทั้งการบริหารจัดการที่ต้องมีความสมดุลระหว่างมาตรการสาธารณสุข กับการเปิดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว โดยผู้ประกอบการต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในเรื่องสภาพคล่องให้เพียงพอ และที่พวกเขาต้องการอย่างมากก็คือ ความช่วยเหลือในเรื่องการเติมทุนใหม่ เพื่อให้สามารถฟื้นกิจการและพร้อมที่จะก้าวเดินหน้าต่อไป เมื่อโควิดทุเลาลง
นายอุตตม เปิดเผยด้วยว่า ในการหารือ พรรคสร้างอนาคตไทย จึงได้นำเสนอแนวความคิด ยุทธศาสตร์ “รีสตาร์ท ท่องเที่ยวไทย” เพราะเห็นพ้องกับผู้ประกอบการว่า ในวิกฤตครั้งนี้ เป็นโอกาสของการยกระดับการท่องเที่ยวไทยด้วยเช่นเดียวกัน โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาส พิจารณาจัดตั้งกลไกในการเติมทุนให้ผู้ประกอบการ ทั้งเพื่อแก้ไขบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้า และเป็นการเติมทุนใหม่ เพื่อการพัฒนา 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. เพื่อซ่อมแซมยกระดับสถานที่ประกอบการและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว 2. เพื่อจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการบริการและแสวงหาตลาด 3. เพื่อการพัฒนาบุคลากรทุกกลุ่มในห่วงโซ่ธุรกิจการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นมัคคุเทศก์ ผู้ให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยว ผู้ให้บริการด้านนวดสุขภาพ สปา ฯลฯ และ 4. เพื่อรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวให้ยั่งยืน
“กลไกที่เหมาะสมนั้น ได้แก่ การจัดตั้งกองทุน “สร้างอนาคตท่องเที่ยวไทย” วงเงิน 2 หมื่นล้าน ซึ่งหากจำกันได้ เมื่อครั้งที่ผมและคณะไปเยือนสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้มีการเสนอตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีไทย วงเงิน 2 แสนล้านบาท โดยเราสามารถจะกันวงเงินมา 2 หมื่นล้านบาท เพื่อดูแลผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพราะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมาก ก็อยู่ในภาคท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน” แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ระบุ
นอกจากนี้ นายอุตตม ยังได้เสนอด้วยว่า ควรสนับสนุน การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็น 1 ใน 3 เสาหลักของการสร้างความเข้มแข็งในระดับเศรษฐกิจฐานราก ยึดโยงเข้ากับอีก 2 เสาหลักของชุมชน คือการเกษตร และวิสาหกิจการผลิตชุมชน เพื่อบูรณาการ 3 เสาหลักให้เป็นฐานที่เข้มแข็งสำหรับชุมชนทั่วประเทศ ให้เกิดการปฏิบัติขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และควรมีการวางยุทธศาสตร์ระดับชาติ ด้านเส้นทางคมนาคม ให้สอดรับสนับสนุนกับการพัฒนา 3 เสาหลักในระดับฐานรากด้วย เพื่อเป็นการกระจายความมั่งคั่งมั่นคง ทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งต่อไปในอนาคต
“ผมเชื่อว่า ทุกคนที่ประชุมในวันนั้น พร้อมเดินหน้าทำงานด้วยกัน รวมถึงเชื่อมโยงกับกลุ่มและองค์กรอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย ซึ่งทีมพรรคสร้างอนาคตไทย ก็จะเดินหน้าพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นระดมสมอง เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “รีสตาร์ท ท่องเที่ยวไทย” ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยว และพี่น้องประชาชนคนไทยในภาพรวม ที่ต้องการก้าวพ้นวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ พร้อมสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่จับต้องได้ต่อไป” นายอุตตม ระบุในช่วงท้าย