นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าหลังจากมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้ระบบ Test & Go ได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อสร้างโอกาสให้เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจ และให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ซึ่งส่งผลให้ยอดการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass เพิ่มขึ้นภายในวันแรก รวมกว่า 35,046 ราย
ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ว่า ยอดรวมการลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงกว่า 6 หมื่นราย โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่สามารถแบ่งแยกตามกลุ่มประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศยุโรป 73.9% กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก 10.3% และกลุ่มประเทศอื่นๆ 15.8% (ข้อมูล ณ วันที่ 1-30 มกราคม 2565) สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยให้การดำเนินการตามนโยบายนี้ให้เกิดขึ้นและเห็นผลสำเร็จ เพราะมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ขอให้เข้มงวด เคร่งครัด ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก จนอาจส่งผลถึงมาตรการควบคุมทางสาธารณสุข รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขโดยพร้อมเพรียง ทั้งการยึดหลัก D-M-H-T-T D (เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง) ตามมาตรการ Universal Prevention หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด รวมถึงมีการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยประจำปี 2565 "Visit Thailand Year 2022" ภายใต้แนวคิด "Amazing Thailand, Amazing New Chapters" ที่จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สอดรับกับแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการพลิกโฉมประเทศไทยในทุกมิติภายหลังการเริ่มต้นเปิดประเทศ
รวมทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล จะเตรียมการหารือเพื่อจัด Travel Bubble กับประเทศที่มีศักยภาพ ใช้เป็นกลยุทธ์ทางการท่องเที่ยวควบคู่กับการเดินทางท่องเที่ยวโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานและหารือร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวร่วมกัน โดยล่าสุดจะมีการพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน รวมไปถึงการพิจารณาร่วมกับทางการมาเลเซีย ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวน่าสนใจจากชาวต่างชาติ แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่นที่เอกลักษณ์และความสวยงามทางวัฒนธรรม ตลอดจนความเป็นไทยที่มีมิตรภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้การต้อนรับชาวต่างชาติ เป็นที่ประทับใจ รวมทั้งมีมาตรฐานทางสาธารณสุขที่ดี ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับความนิยมเสมอมา ซึ่งในเวลานี้ รัฐบาลได้สนับสนุนฟื้นฟูการท่องเที่ยวในรูปแบบท่องเที่ยววิถีใหม่ (New normal) เพื่อสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยทางสาธารณสุข ที่ต้องใช้เป็นปัจจัยควบคู่กันดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นพื้นฐานสำคัญต่อยอดไปเพื่อการพัฒนาแนวทางเพื่อการท่องเที่ยวในอนาคต
ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ว่า ยอดรวมการลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงกว่า 6 หมื่นราย โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่สามารถแบ่งแยกตามกลุ่มประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศยุโรป 73.9% กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก 10.3% และกลุ่มประเทศอื่นๆ 15.8% (ข้อมูล ณ วันที่ 1-30 มกราคม 2565) สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยให้การดำเนินการตามนโยบายนี้ให้เกิดขึ้นและเห็นผลสำเร็จ เพราะมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ขอให้เข้มงวด เคร่งครัด ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก จนอาจส่งผลถึงมาตรการควบคุมทางสาธารณสุข รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขโดยพร้อมเพรียง ทั้งการยึดหลัก D-M-H-T-T D (เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง) ตามมาตรการ Universal Prevention หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด รวมถึงมีการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยประจำปี 2565 "Visit Thailand Year 2022" ภายใต้แนวคิด "Amazing Thailand, Amazing New Chapters" ที่จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สอดรับกับแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการพลิกโฉมประเทศไทยในทุกมิติภายหลังการเริ่มต้นเปิดประเทศ
รวมทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล จะเตรียมการหารือเพื่อจัด Travel Bubble กับประเทศที่มีศักยภาพ ใช้เป็นกลยุทธ์ทางการท่องเที่ยวควบคู่กับการเดินทางท่องเที่ยวโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานและหารือร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวร่วมกัน โดยล่าสุดจะมีการพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีน รวมไปถึงการพิจารณาร่วมกับทางการมาเลเซีย ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวน่าสนใจจากชาวต่างชาติ แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่นที่เอกลักษณ์และความสวยงามทางวัฒนธรรม ตลอดจนความเป็นไทยที่มีมิตรภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้การต้อนรับชาวต่างชาติ เป็นที่ประทับใจ รวมทั้งมีมาตรฐานทางสาธารณสุขที่ดี ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับความนิยมเสมอมา ซึ่งในเวลานี้ รัฐบาลได้สนับสนุนฟื้นฟูการท่องเที่ยวในรูปแบบท่องเที่ยววิถีใหม่ (New normal) เพื่อสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยทางสาธารณสุข ที่ต้องใช้เป็นปัจจัยควบคู่กันดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นพื้นฐานสำคัญต่อยอดไปเพื่อการพัฒนาแนวทางเพื่อการท่องเที่ยวในอนาคต