นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ครั้งที่ 1/2565 มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Wellness Sandbox ที่เสนอโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยจะใช้พื้นที่ อ.หัวหิน และ อ.ชะอำ เป็นพื้นที่นำร่องโครงการ ควบคู่กับพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ภายใต้โครงการ Thailand Riviera ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และต่อยอดไปยังพื้นที่ในภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญ ได้กำชับ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ จัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ปรับเปลี่ยนมาตรการทางสาธารณสุขรองรับ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยใช้จุดแข็งด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวของไทยในแต่ละจังหวัดมีความสวยงาม มีเอกลักษณ์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
ทั้งนี้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Thailand Wellness Sandbox เป็นอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หลังจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นโครงการ 4 เดือนแรก สามารถสร้างรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยว ที่พัก อาหาร ตลอดจนการให้บริการทางการแพทย์ จำนวนกว่า 4,260 ล้านบาท และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวม 10,100 ล้านบาท จึงทำให้รัฐบาลเร่งสานต่อโครงการอื่นๆ ที่มีศักยภาพเพื่อต่อยอดการท่องเที่ยวไทยในประเภทอื่นๆ ให้ดำเนินการต่อได้แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
ดังนั้น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจึงเป็นอีกหนึ่งประเภทของการท่องเที่ยวที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และถือเป็นจุดแข็งของไทยที่ชาวต่างชาติให้การยอมรับและเชื่อมั่นในศักยภาพทางการแพทย์ เป็นการท่องเที่ยวในลักษณะปรนนิบัติดูแลสุขภาพควบคู่กับการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น แพทย์แผนไทย สมาธิบำบัดฟื้นฟูจิตใจ สปาไทย นวดแผนไทย และสมุนไพรไทย อีกทั้งไทยยังมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข SHA และ SHA Plus ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การใช้พื้นที่ อ.หัวหิน และ อ.ชะอำ เป็นพื้นที่นำร่องเป้าหมายจะช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่ ผ่านโครงการส่งเสริมการตลาดและโครงการพัฒนาด้านอุปทานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ควบคู่กับพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกภายใต้โครงการ Thailand Riviera ประกอบด้วย 4 จังหวัดที่มีพื้นที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมทั้งเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ กีฬา และการท่องเที่ยวโดยชุมชน
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการนำร่องโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้แต่ละภาคส่วนนำไปประยุกต์ใช้ พิจารณาพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปจนถึงระดับฐานราก รวมทั้งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาจากแนวคิด ความต้องการของท้องถิ่น ของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นโอกาสกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นในอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า นายกรัฐมนตรีพอใจภาพรวมสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ ที่ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันนี้ต่ำกว่า 8,000 ราย มอบกระทรวงสาธารณสุขประเมินยอดผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงนี้ว่า เป็นเพียงการพุ่งขึ้นในระยะสั้นหรือต่อเนื่อง รวมทั้งให้เฝ้าระวังการระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นในสถานประกอบการ สถานบันเทิง ร้านอาหาร โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่อาจจะกลายเป็นการนำเชื้อกลับเข้าสู่ชุมชนหรือครอบครัวได้อีกระลอก ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าการแพร่ระบาดในประเทศไทยจะเป็นโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเกือบทั้งหมดในปลายเดือนมกราคมนี้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนว่าสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้ รัฐบาลจึงขอเชิญชวนผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อช่วยลดความเสี่ยงอาการรุนแรงและการเสียชีวิต โดยสามารถติดต่อรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน