xs
xsm
sm
md
lg

ปี 64 ไฟเขียวต่างชาติลงทุน 570 ราย นำเงินเข้า 8.2 หมื่นล้าน-จ้างงาน 5,450 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พาณิชย์” เผยปี 64 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอนุญาตคนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทย 570 ราย นำเงินเข้า 82,501 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 5,450 คน ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจที่ไทยต้องการ สอดคล้องเป้าหมาย New S-Curve ระบุญี่ปุ่นแชมป์ลงทุนสูงสุด ตามด้วยสหรัฐฯ สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน คาดปี 65 มีการเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจฟื้น ไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2564 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 570 ราย เงินลงทุนรวม 82,501 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทย 5,450 คน โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) รวมถึงสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

ยกตัวอย่าง เช่น บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบระบบ รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ การฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม วางระบบ และทดสอบเครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับโครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าอัจฉริยะระหว่างประเทศ, ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล, บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center: IBC) ให้แก่บริษัทในเครือในต่างประเทศ, บริการควบคุมการผลิต การบรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ การตรวจสอบและการรับรองคุณภาพของเคมีภัณฑ์ และการบำบัดน้ำเสีย, บริการให้ใช้สิทธิและให้ใช้ช่วงสิทธิในซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับกระบวนการทางการแพทย์, บริการติดตั้ง ซ่อมแซม และบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และบริการให้ใช้ระบบบริหารจัดการในสถานีดังกล่าว เป็นต้น

สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย อันดับที่ 1 ญี่ปุ่น 163 ราย คิดเป็น 28.6% เงินลงทุน 23,260 ล้านบาท 2. สหรัฐฯ 88 ราย คิดเป็น 15.4% เงินลงทุน 5,948 ล้านบาท 3. สิงคโปร์ 86 ราย คิดเป็น 15.1% เงินลงทุน 10,530 ล้านบาท 4. ฮ่องกง 41 ราย คิดเป็น 7.2% เงินลงทุน 19,555 ล้านบาท 5. จีน 29 ราย คิดเป็น 5.1% เงินลงทุน 3,748 ล้านบาท 6. เนเธอร์แลนด์ 18 ราย คิดเป็น 3.2% เงินลงทุน 3,063 ล้านบาท 7. เยอรมนี 16 ราย คิดเป็น 2% เงินลงทุน 695 ล้านบาท 8. ฝรั่งเศส 15 ราย คิดเป็น 2.6% เงินลงทุน 1,127 ล้านบาท 9. เกาหลี 14 ราย คิดเป็น 2.5% เงินลงทุน 847 ล้านบาท และ 10. สหราชอาณาจักร 9 ราย คิดเป็น 1.5% เงินลงทุน 636 ล้านบาท และประเทศอื่น 91 ราย คิดเป็น 16.0% เงินลงทุน 13,093 ล้านบาท

นายสินิตย์กล่าวว่า ในปี 2565 คาดว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ผนวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ จีน และยุโรป ที่เศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19

นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศน่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นสัญญาณจากการลงทุนของบริษัทไทยและต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในลักษณะที่เป็นการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทไทย ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น และถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น