พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด พบว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีข้อจำกัดจากตลาดแรงงานที่ยังเปราะบาง และการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นของราคาสินค้าหมวดพลังงานและอาหารสด เนื่องจากปัจจัยทางด้านอุปทานเป็นสำคัญ
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์การตรวจลงตราวีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว หรือ LTR Service Center ความคืบหน้ามาตรการส่งเสริมการลงทุนในกิจการคลาวด์เซอร์วิส (Cloud Service) และมาตรการดึงดูดการลงทุนในสตาร์ทอัพ โดยยกเว้นภาษีลงทุนให้กับกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งกรมสรรพากรจะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาตามขั้นตอนของกฎหมาย คาดว่าจะออกกฏหมายได้ภายในไตรมาสแรก โดยให้มีผล 10 ปี นับตั้งแต่พระราชกฤษฎีกาบังคับใช้
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพต้องใช้เทคโนโลยีและต้องประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามที่รัฐกำหนดการใช้เทคโนโลยีต้องทำให้เกิดรายได้ร้อยละ 80 ธุรกิจต้องถูกรับรองโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทช.) หรือหน่วยงานที่กรมสรรพากรกำหนด สำหรับนักลงทุนให้สิทธิ์กับนักลงทุนที่ลงทุนเองโดยตรง และที่ลงทุนผ่านธุรกิจเงินร่วมลงทุน โดยสามารถเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลทั้งไทยและต่างประเทศต้องถือหุ้นขั้นต่ำ 24 เดือน หากเป็นธุรกิจเงินร่วมลงทุนในไทยต้องจดแจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ เตรียมพิจารณาเห็นชอบหลักการแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Wellness Sandbox ในพื้นที่ อ.หัวหิน อ.ชะอำ เชื่อมโยงจากพื้นที่นำร่องการเปิดประเทศสู่หัวหิน -ชะอำ โดยมีเป้าหมายนักท่องเที่ยวในแถบอาเซียน ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา แคนาดา