“ปลัดพาณิชย์” ถกวอร์รูมนัดแรก ประกาศติดตามสถานการณ์ 6 สินค้า “เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เป็ด ปลา และมะละกอ” อย่างใกล้ชิด หลังพบราคาความเคลื่อนไหวผิดปกติ พร้อมสั่งตั้งทีมพาณิชย์ระดมกำลังจากทุกหน่วยงานในสังกัดออกตรวจสอบสินค้าในกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดมอบผู้ว่าฯ พาณิชย์จังหวัดลุย
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีต่อผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือวอร์รูม เป็นครั้งแรกว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าจากกรมการค้าภายใน และมีติให้ความสำคัญในการจับตาสินค้าบริโภค 6 รายการ คือ เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เป็ด ปลา และมะละกอ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวด้านราคา และมีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงจะจับตาสินค้าในกลุ่มนี้และให้ความสำคัญก่อน ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภครายการอื่นๆ ก็จะมีการติดตามสถานการณ์เป็นปกติ
สำหรับสถานการณ์ราคาเนื้อหมูในปัจจุบัน พบว่า ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นไปมาก เนื่องจากปริมาณหมูเข้าสู่ตลาดลดลง ส่วนเนื้อไก่ ราคาปรับขึ้นเล็กน้อย เพราะคนหันไปบริโภคไก่เพื่อทดแทนเนื้อหมูที่ราคาสูงขึ้น โดยราคาเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา เนื้อวัว ยังไม่เปลี่ยนแปลงด้านราคา แต่ก็จะจับตา ปลา ส่วนใหญ่มีราคาลดลง เช่น ปลาทับทิม ลด 6.8% ปลานิล ลด 4% ส่วนมะละกอ เป็นสินค้าที่มีข่าวว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีราคาสูงขึ้นตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
“ที่มีข่าวมะละกอราคาสูงขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม ได้ส่งพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างในเพชรบูรณ์ ที่บอกว่าขายถุงละ 200 บาท (ถุง 10 กิโลกรัม) ราคาก็ไม่ถึงขนาดนั้น อยู่แค่ 150-180 บาท ที่ศรีสะเกษ ตามข่าวบอกว่า 200 กว่าบาท ไปสอบถามคนที่เป็นต้นตอ เขาบอกว่า พูดรวมๆ เวลาจะไปซื้อมะละกอ มีต้นทุนรวมค่าสามล้อก็เลย 200 บาท ส่วนที่มหาสารคาม มีข่าวร้านส้มตำร้านดัง ซื้อมะละกอ 280 บาท พอไปตรวจ ไปคุยกับเจ้าของ บอกว่า ช่วงปีใหม่มีบางคนซื้อมะละกอสูงถึง 280 บาทก็มี แต่ร้านไม่ได้ซื้อแพงขนาดนั้น ซื้อแค่ 140-180 บาท แต่ล่าสุดมีข่าวชาวสวนมะละกอกำลังเดือดร้อน ราคาตกเหลือ กก.ละ 3 บาท แต่ไปดูในเนื้อข่าว เป็นกก.ละ 12 บาท จึงต้องติดตามกันใกล้ชิดต่อไป” นายบุญยฤทธิ์กล่าว
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า คณะทำงานฯ ยังได้มีมติให้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมด โดยใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ ร่วมกันจัดชุดตรวจในลักษณะป้องปราบ ปราบปราม ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต เพราะคนของกรมการค้าภายในมีไม่เพียงพอ ซึ่งในการลงพื้นที่ บางครั้งจะมีผู้บริหารกรมนำทีมไปด้วย หากเจอปัญหาก็จะได้แก้ไข หรือถ้าพบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา หรือขายแพงเกินสมควร ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
ทางด้านการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในต่างจังหวัด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีข้อสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการในระดับจังหวัด ให้ทำหน้าที่กำกับดูแล และติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยให้พาณิชย์จังหวัด รวมถึงพนักงานตามกฎหมาย ที่เคยมีคำสั่งแต่งตั้งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เช่น นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ให้เข้ามาช่วยทำหน้าที่
นอกจากนี้ ขอให้พาณิชย์จังหวัดติดตามข่าวสารใกล้ชิด หากข่าวสารใดๆ ที่จะเกิดขึ้นมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในเรื่องการปรับขึ้นราคาสินค้า ให้เร่งตรวจสอบอะไรคือสาเหตุ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และให้รายงานวอร์รูมทันที จะได้แก้ปัญหา และในส่วนของวอร์รูม ก็จะจัดทีมตรวจสอบข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อทำการติดตามและมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม จำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร ขอให้ร้องเรียนสายด่วน 1569 โดยแจ้งสถานที่เกิดเหตุ จุดเกิดเหตุ พฤติกรรมผู้ขายเป็นอย่างไร เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายแพง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเก็บรายละเอียดของผู้แจ้งเป็นความลับ ผู้แจ้งไม่ต้องกังวลว่าชื่อ ที่อยู่ ของผู้แจ้งจะหลุดไป