“พาณิชย์” ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นเก็บสต๊อกหมูเขตมีนบุรียังไม่พบการกักตุน ย้ำในต่างจังหวัดพาณิชย์จังหวัดจะร่วมมือกับจังหวัดตรวจสอบต่อเนื่องเช่นเดียวกัน หากพบไม่แจ้งปริมาณตามประกาศ กกร.มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท แต่ถ้าพบการกักตุน เล่นงานหนัก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ลงพื้นที่ตรวจสอบภาวะราคาและปริมาณหมู ณ ห้องเย็น บริษัท พิชชา มีท กรุ๊ป จำกัด เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อติดตามปริมาณสต๊อก หลังจากที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต๊อกหมูตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป แจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 2565 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบปริมาณหมูของบริษัท พิชชา มีท กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นห้องเย็นขนาดกลาง รองรับได้ 50 ตัน พบว่ามีสต๊อกเข้าออกทุกวัน และมีการรับส่งเนื้อหมูตามออเดอร์ จะไม่เก็บไว้นานเพื่อรักษาคุณภาพไม่ให้ลดลง และอาจสูญเสียน้ำหนักลงไปได้ โดยหมูแช่แข็งจะมีการจัดส่งตามออเดอร์ไปยังร้านอาหารต่างๆ เช่น หมูสไลซ์ หมูสำหรับทำสเต๊ก เป็นประจำทุกวัน
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่ามีการเก็บสต๊อกหมูเป็นจำนวนมากของห้องเย็นขนาดกลางและใหญ่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดบูรณาการกับจังหวัดออกตรวจสอบ หากตรวจแล้วพบว่าไม่แจ้งปริมาณจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
สำหรับปริมาณสต๊อกหมูชำแหละทั่วประเทศที่ได้รับแจ้ง ตามประกาศ กกร. ณ วันที่ 17 ม.ค. 2565 มีปริมาณรวม 8,352 ตัน
“หากประชาชนพบเห็นการกักตุน หรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และหากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด” นายบุญยฤทธิ์กล่าว
