xs
xsm
sm
md
lg

“อนุทิน” ไฟเขียวสร้างอาคารตะวันออก "สุวรรณภูมิ" ทอท.เร่งปรับแบบ ส.ค.เปิดชิงเค้ก 7.8 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อนุทิน” ไฟเขียวก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก "สุวรรณภูมิ" วงเงิน 7.8 พันล้านบาท ทอท.เร่งปรับแบบใน 2-3 เดือน พร้อมรื้อถอนซิตี้การ์เด้น คาดเปิดประมูลใน ส.ค. 65 แล้วเสร็จ มิ.ย. 68 รองรับเพิ่ม 15 ล้านคน/ปี

วันที่ 17 ม.ค. 2565 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ 1/2565 (ครั้งที่ 3) โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองประธานกรรมการ และมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ซึ่งจากการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมาได้พิจารณาตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) และเร่งทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมแนวทางการพัฒนาในลักษณะ Revisit

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ ทอท.ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ซึ่งมีความพร้อมและคณะรัฐมนตรี( ครม.) ได้อนุมัติโครงการไว้แล้ว ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน (Action Plan) ที่กำหนด คาดว่า ทอท.จะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างปรับแบบในเดือนกรกฎาคม 2565 และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ใช้ระยะเวลา 29 เดือน แล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ 65 ล้านคนต่อปี เท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ได้ในปี 2568

และที่ประชุมรับทราบการส่งมอบพื้นที่ของ บริษัท คิง พาวเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด หรือซิตี้การ์เด้น ซึ่งได้ส่งมอบพื้นที่บริเวณชั้น 2 Food Stop ที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายทิศตะวันออกให้ ทอท.เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 และคณะกรรมการ ทอท.ได้มีมติอนุมัติงบลงทุนผูกพันเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายทิศตะวันออกแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานจ้าง ICAO ศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างการประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง (Agreement) กับ ICAO โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2565 และแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ทอท. ได้หารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อให้การดำเนินงานของ ทอท.เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว

สำหรับผลการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดย IATA นั้นแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 โดยมีการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะฟื้นกลับมาในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีผู้โดยสารปีละประมาณ 65 ล้านคน ในช่วงปี 2567-2568 ทั้งนี้ IATA ได้ประเมินทางเลือกในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรักษาระดับการให้บริการ (Level of Service : LoS) ของสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคตทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (Optimum) โดยเสนอให้พัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Mixed Concept)

จึงให้ ทอท.ประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ IATA คาดการณ์ไว้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางอันดับ 9 ของโลก โดยจะมีผู้โดยสารเข้ามาในไทยถึง 200 ล้านคน รวมถึงให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการขนส่งทางอากาศในกรณีที่มีการพัฒนารถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงด้วย

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง ทอท. กล่าวว่า ตามแผนงานหลังจากนี้ ทอท.จะดำเนินการปรับแบบให้เป็นปัจจุบัน และทำเอกสารประกวดราคา ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ในขณะเดียวกันก็จะดำเนินการรื้อย้ายซิตี้การ์เด้นและย้ายศาลพระเจ้าตากสิน คาดว่าจะสรุปแบบและนำเสนอบอร์ด ทอท.อนุมัติก่อสร้างประมาณเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2565 และรายงาน ครม.เพื่อทราบ ดำเนินการเปิดประมูลในเดือน ส.ค.-ก.ย. 2565 ได้ตัวผู้รับจ้างช่วงปลายปี 2565 และเริ่มก่อสร้าง กำหนดแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2568

ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก มีกรอบวงเงินลงทุน 7,830 ล้านบาท (รวม Vat และค่าสำรองราคา) ซึ่งออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันวัสดุก่อสร้างมีการปรับราคาขึ้น แต่คาดว่าการปรับแบบให้เป็นปัจจุบันจะทำให้ค่าก่อสร้างไม่เกินกรอบวงเงินที่มี นอกจากนี้ การพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ซึ่งมีกรอบลงทุนรวม 69,000 ล้านบาท ยังมีวงเงินที่ประหยัดได้จากการประมูลที่ผ่านมา ดังนั้นจะไม่มีผลกระทบต่องบประมาณโครงการโดยรวมแต่อย่างใด
 
สำหรับส่วนต่อขยายด้านตะวันออกนั้นมีพื้นที่ 66,000 ตร.ม. รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนต่อปี เชื่อมต่อกับอาคารหลัก ซึ่งจะมีการเพิ่มพื้นที่เช็กอิน ตรวจค้น และตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มพื้นที่เช็กอินอัตโนมัติ โดยนำระบบเช็กอินอัตโนมัติ (Auto Check-in System) การเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (self check in) มาให้บริการเพื่อรองรับผู้โดยสารที่มาก่อนเวลา เพื่อลดความแออัดบริเวณโถงด้านหน้าอาคารในส่วนของพื้นที่เช็กอินได้อีกด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น