ขสมก.คุมเข้มควันดำรถเก่าเครื่องดีเซลกว่า 2,000 คัน ลด PM 2.5 ย่นรอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง/กรองเครื่องทุก 6,000 กม. รับมาตรการลดค่าไอเสียไม่เกิน 30% ใน เม.ย. 65 พร้อมเดินหน้าเช่ารถ EV 400 คันยกระดับบริการ
วันที่ 23 ธ.ค. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) เป็นประธานลงพื้นที่ตรวจติดตามการวัดค่าไอเสียรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในการลดภาวะ PM 2.5 จากรถโดยสารเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศนิ่ง มีการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในชั้นบรรยากาศ เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
นายสรพงศ์กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการลดมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 กระทรวงคมนาคมจึงได้ประกาศนโยบาย “รถ ขสมก. ปลอดฝุ่น PM 2.5” โดยมอบหมายให้ ขสมก.ดำเนินการปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซลรถโดยสารทุกคันให้สามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นมา เพื่อลดมลพิษและ PM 2.5 รวมทั้งให้เขตการเดินรถที่ 1-8 ตรวจวัดค่าไอเสียรถโดยสารเครื่องยนต์ดีเซลทุกคัน ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน
กรณีที่ตรวจพบรถโดยสารมีค่าไอเสียเกินค่ามาตรฐาน จะงดให้บริการรถโดยสารคันดังกล่าวและนำรถเข้าซ่อมบำรุงเพื่อปรับปรุงแก้ไขจนกว่าค่าไอเสียจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน
ซึ่งวันนี้ได้มีการสุ่มตรวจควันดำรถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) 3 ห้อ คือ มิตซูบิชิ อีซูซุ และฮีโน่ ไม่พบมีควันดำ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการตั้งเป็นดัชนีตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ในการกำกับดูแลเรื่องซ่อมบำรุง ขสมก. ปัจจุบัน ขสมก.มีรถร้อนเครื่องยนต์ดีเซลประมาณ 2,074 คันที่ต้องดูแลอย่างเข้มข้น
พร้อมกันนี้ ได้มอบให้ ขสมก.ดำเนินการเจรจากับบริษัทผู้ให้บริการซ่อมแซมรถให้เข้มงวดในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมัน และกรองอากาศ ก่อนถึงรอบ 12,000 กิโลเมตร เหลือเป็นรอบ 6,000 กิโลเมตร ในช่วงที่มีค่าที่ PM 2.5 สูง ให้ตรวจสอบค่ามลพิษ ท่อไอเสีย ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกทุกวัน ทุกคัน ก่อนออกให้บริการ โดยกำหนดอัตราค่าไอเสียไม่เกินร้อยละ 30 ทุกคัน ต่ำกว่ามาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษที่ร้อยละ 45 และในเดือน เม.ย. 2565 กรมควบคุมมลพิษ จะลดค่าเกณฑ์มาตรฐานลงไม่เกินร้อยละ 30 ดังนั้น ขสมก.จะต้องเตรียมแผนแก้ปัญหา
โดยในระยะสั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในช่วงที่แผนฟื้นฟู ขสมก.ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขสมก.มีแผนในการจัดหารถโดยสารใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ในรูปแบบการจ้างวิ่งตามระยะทางมาให้บริการในเดือน เม.ย. 2565
นายสรพงศ์กล่าวว่า ในการจัดหารถโดยสาร EV ประมาณ 400 คันนั้น ขสมก.อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม. และมติ คนร. รวมถึงการตรวจสอบเรื่องรายได้จากค่าโดยสารและรายจ่ายในการเช่ารถดำเนินการจะต้องสอดคล้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดทุนเพิ่ม สำหรับรถโดยสาร NGV จำนวน 489 คันที่ให้บริการในปัจจุบัน กว่าจะได้รับต้องมีการประมูลถึง 7 ครั้ง ขณะที่พบว่ารถมีอัตราเสียค่อนข้างมากกว่ารถเก่าอายุกว่า 26 ปีของ ขสมก.ด้วย ดังนั้นจะต้องมีความรอบคอบในการจัดหารอบใหม่
"ขสมก.กำลังทำตัวเลขทั้งหมด ที่สำคัญ รายรับต้องพอกับรายจ่าย และบอร์ด ขสมก.ยังอยู่ระหว่างแต่งตั้งประธานคนใหม่ จึงยังประชุมไม่ได้ ส่วนแผนฟื้นฟูก็จะยังคงมีและเดินหน้าต่อไป แต่เนื่องจากกว่าแผนฟื้นฟูจะได้รับความเห็นชอบและนำมาปฏิบัติได้ใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 6-8 เดือน ขณะที่การจัดหารถได้ครบตามที่ต้องการจะใช้เวลา 3 ปี ไม่ทันต่อการให้บริการ"