คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
การแข่งขันกีฬาต่างๆ ดูเหมือนกำลังเผชิญการระบาดของ โควิด-19 อีกระลอก อาจจะด้วยความเป็นเดือนแห่งเทศกาล กับ การปล่อยให้ประชากรใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น นำไปสู่การรวมตัวของคนหมู่มาก หลายๆ สถานที่ที่มีคนแออัดพักหลังๆ ชักค่อนข้างหละหลวม ไม่มีใครระวังตัวได้ที่เท่ากับตัวเราเอง ดังนั้นพบเวลาพบเห็นฝูงชนเบียดเสียด ควรหลีกเลี่ยงหรือรักษาระยะห่าง การกินดื่มตามผับตามบาร์ ควรต้องงดเอาไว้ก่อน หรือไม่ก็หิ้วมาดื่มกินที่บ้านแทนจะปลอดภัยกว่า
ฟากบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) โดยเฉพาะ บรูกลิน เน็ตส์ ถูกเลื่อนการแข่ง 2 เกม เนื่องจากมีผู้เล่นถูกกักตัว 10 คน รวม เควิน ดูแรนท์, เจมส์ ฮาร์เดน และที่น่าประหลาดใจสุดๆ คือ ไครี เออร์วิง การ์ดจ่าย ซึ่งมีกระแสข่าวลือว่า จะกลับมาลงสนามทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน อย่างที่เราทราบกันดีตั้งแต่พรีซีซัน 2021-22 เขาจะหมดสิทธิ์ลงเล่นเกิน 40 เกม ที่บาร์เคลย์ เซ็นเตอร์ กับ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน แต่เพราะเหตุใด เน็ตส์ จึงต้องนำคนที่เคยเรียกว่า “การ์ด part-time” กลับมาช่วยทีม ทั้งๆ สถานการณ์ก็ยังนำจ่าฝูงสายตะวันออก สถิติ ชนะ 21 แพ้ 9
นับตั้งแต่คว้า ฮาร์เดน ผนึกกำลัง ดูแรนท์ และ เออร์วิง ฤดูกาลที่แล้ว บรูกลิน ไม่เคยคาดไว้ว่าจะมีปัญหาในการสร้างจังหวะชู้ตสวยๆ ที่ผ่านมา เน็ตส์ ให้ความสำคัญด้านการจบสกอร์ และมีส่วนร่วมกับเกมป้องกันมากกว่าเสริมผู้เล่นขับเคลื่อนเกม การขาดหายไปของ เออร์วิง และการเปิดซีซันอันน่าผิดหวังของ ฮาร์เดน เป็นเหตุให้ซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ ถูกจำกัดศักยภาพตามไปด้วย
ถึงแม้ “เคราเฟิ่ม” เริ่มต้นต่ำกว่ามาตรฐาน เกมรุก บรูกลิน ยังคงจัดจ้าน เมื่อเขาอยูบนสนาม โดยปราศจาก ดูแรนท์ ซึ่งตามสถิติระบุว่า ไลน์อัพชุดดังกล่าว ยังทำสกอร์เหนือกว่าคู่ต่อสู้ 3.1 แต้ม ต่อ 100 การครองบอล แต่ถ้าถอดทั้ง 2 คนออก หายนะจะมาเยือนทันที โดยตลอด 84 นาที ซึ่ง แพ็ตตี มิลล์ส ลงเล่น โดยไม่มี ดูแรนท์ กับ ฮาร์เดน ปรากฏว่า เน็ตส์ ทำสกอร์แค่ 93.1 แต้ม ต่อ 100 การครองบอล และเรตติงสุทธิติดลบ 23.2
มิลล์ส รับบทตัวจริงแบบเหนือความคาดหมาย เพื่อชดเชยโอกาสชู้ตของ เน็ตส์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นจุดแข็ง ไม่เพียงแค่ เน็ตส์ ลงสนามโดยไม่มี เออร์วิง การ์ดจ่ายที่ยิง 3 คะแนนเข้าเป้า 39 เปอร์เซ็นต์ ตลอดอาชีพ พวกเขายังขาด โจ แฮร์ริส การ์ดจอมแม่น ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากผ่าตัดข้อเท้า คาดว่าจะคืนสนาม เดือนมกราคม
การขาดทั้ง แฮร์ริส และ เออร์วิง ส่งผลให้ บรูกลิน รั้งอันดับ 23 ของลีก ด้านการพยายามยิง 3 คะแนน หลังจบด้วยอันดับ 9 ฤดูกาลที่แล้ว ขณะที่ความแม่นยำจากเดิม 39 เปอร์เซ็นต์ (อันดับ 2) เหลือ 36 เปอร์เซ็นต์ (อันดับ 10) และ สตีฟ แนช เฮดโค้ช ต้องดัน แคม โธมัส การ์ดรุกกี เข้าระบบโรเตชันสม่ำเสมอ ถึงแม้ผลงานน่าพอใจ แต่เขายิง 3 คะแนน เข้าเป้าเฉลี่ย 2.4 ลูก ความแม่นยำ 22.8 เปอร์เซ็นต์ หากเจียดเวลาลงสนามของเขาไปให้ เออร์วิง น่าจะอัพเกรด บรูกลิน ขึ้นเยอะ
ปัจจัยต่อมา ดูแรนท์ ถูกใช้งานอย่างหนักในซีซันที่ 2 หลังหายจากอาการเจ็บเอ็นร้อยหวาย รอบชิงชนะเลิศ NBA เมื่อปี 2019 สถิติลงสนาม 37.0 นาทีต่อเกมของเขา สูงสุดอันดับ 2 ของลีก และมากสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 สมัยเล่นให้ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ขณะอายุเพียง 25 ปี ถึงแม้เขาจะคลายความกังวลแฟนๆ เกี่ยวกับเวลาลงสนาม แต่คาดว่า แนช จะพยายามหาวิธีไม่ให้เขาต้องแบกภาระมากเกินไป
เทียบกับตอน เออร์วิง ลงสนามได้ ฤดูกาลที่แล้ว ค่าเฉลี่ยของ ดูแรนท์ ค่อนข้างเหมาะสม 33.0 นาที อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยดังกล่าวก็ยังมีผลต่ออาการบาดเจ็บ ซึ่งขัดขวางการลงสนามของ ดูแรนท์ นอกจากนี้ เขายังลงเล่นมากกว่า 39 นาที แค่ 6 ครั้ง จาก 35 เกมของฤดูกาลปกติ แต่ฤดูกาลนี้เขามาถึงจุดนั้นเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าซีซันนี้
ถึงกระนั้นการกลับมาของ เออร์วิง อาจไม่ส่งผลทันตา เนื่องจากเขาต้องมีผลตรวจ โควิด-19 เป็นลบ 5 วันติดต่อกัน จึงจะร่วมฝึกซ้อมได้ ที่อาคารส่วนตัวของแฟรนไชส์ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลงเล่นทันคริสต์มาส พบ แอลเอ เลเกอร์ส ตามโปรแกรมที่ อดีตผู้เล่น คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส และ บอสตัน เซลติกส์ จะอยู่ราวๆ กลางเดือนมกราคม ซึ่ง เน็ตส์ มีโปรแกรมนอกบ้าน 11 จาก 14 เกม ดังนั้นใครที่เป็นแฟนๆ บรูกลิน ต้องอดทนรอกันอีกประมาณ 1 เดือน