xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” ถกเร่งดำเนินการระบบตั๋วร่วมรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ ปชช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.คมนาคม ประชุม คนต. สั่งเร่งรัดการดำเนินการระบบตั๋วร่วมรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน

วันนี้ (23 ธ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ผ่านการประชุมทางไกล (Video Conference) ด้วยระบบ Zoom Cloud Meetings โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนกรมเจ้าท่า ผู้แทนคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และนางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เป็นกรรมการและเลขานุการ

การประชุมดังกล่าว ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินตามแผนการดำเนินงานระบบตั๋วร่วม ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บมจ.ธนาคารกรุงไทยได้รายงานความคืบหน้าการนำบัตร Europay Mastercard and Visa (EMV) มาใช้ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมในรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟชานเมือง สายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย

โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานในรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด และระบบเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า รวมถึงระบบทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ด้วย

ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาและเปิดให้บริการระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น หรือระบบ M-Flow ของกรมทางหลวง (ทล.) และ กทพ. โดย ทล. ได้ดำเนินการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของระบบ M-Flow บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 จำนวน 4 ด่าน ได้แก่ ด่านทับช้าง 1 ด่านทับช้าง 2 ด่านธัญบุรี 1 และด่านธัญบุรี 2 ขณะนี้อยู่ในช่วงทดสอบเสมือนจริง และได้เปิดให้ผู้ใช้ทางลงทะเบียนสมัครสมาชิกระบบ M-Flow แล้ว เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 โดยมีผู้ลงทะเบียนระบบ M-Flow สำเร็จ จำนวน 20,363 คน จากจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 25,244 คน รวมทั้งได้ให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนสมัครใช้งานระบบ M-Flow จำนวน 100,000 สิทธิแรก สามารถวิ่งผ่านทางฟรี 2 เที่ยว ขณะนี้ยังมีสิทธ์คงเหลือจำนวน 79,637 สิทธิ (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2564)

สำหรับลูกค้า M-Pass ที่ลงทะเบียนใช้บริการผ่านระบบ M-Flow และเลือกชำระเงินด้วยบัญชี M-Pass ผ่านช่องทางที่กำหนดจะได้รับโบนัสค่าผ่านทางจำนวน 100 บาท ซึ่งคณะกรรมการบริหารเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ทล. ได้มีมติเห็นชอบให้มีการนำเงินค่าธรรมเนียมที่เก็บได้มาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมให้สิ่งจูงใจในการใช้ระบบ M-Flow โดยการให้ส่วนลด ร้อยละ 20 สำหรับผู้ใช้ระบบ M-Flow แล้ว ในส่วนของ กทพ. ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งระบบ M-Flow ระยะที่ 1 บนทางพิเศษฉลองรัชที่ด่านนำร่อง 3 ด่าน (จตุโชติ สุขาภิบาล 5-1 และสุขาภิบาล 5-2 โดยได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์แล้วเสร็จบางส่วน และเริ่มดำเนินการติดตั้งโครงป้ายคร่อมช่องจราจร (Gantry) ที่ด่านนำร่องแล้ว สำหรับงานจัดจ้างบริหารจัดการระบบฯ คาดว่าจะดำเนินการจัดจ้างได้ภายในเดือนมกราคม 2565 และดำเนินการติดตั้งและทดสอบระบบภายในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2565

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการจัดทำและทบทวนร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....ของคณะกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ซึ่งมีรองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวงเป็นประธานกรรมการ และมีมติให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงคมนาคม ที่ 288/2559 สั่ง ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2559 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... และคำสั่งกระทรวงคมนาคม ที่ 362/2559 สั่ง ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2559 เรื่อง แต่งตั้งกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... เพิ่มเติม และให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ภายใต้ คนต. ขึ้นใหม่ โดยมีหน้าที่และอำนาจคงเดิม ทั้งนี้ ให้เพิ่มเติมผู้แทนจากกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และกรมบัญชีกลางในองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ ด้วย

ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการและมีมติเห็นชอบข้อเสนอแนะเพื่อการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วมของคณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมองค์กร และคณะอนุกรรมการด้านการกำหนดมาตรฐานอัตราค่าโดยสารและการจัดสรรรายได้ ดังนี้

ด้านเทคนิค 1. ให้ รฟม. ดำเนินการจัดทำระบบตั๋วร่วมในรูปแบบการผูกกับบัญชีที่ระบุตัวตนผู้โดยสาร หรือ Account Based Ticketing (ABT) กลาง ตามแนวทางการพัฒนาของระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงในช่วงแรก และทำหน้าที่บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในช่วงการเปลี่ยนถ่ายระบบ หลังจากนั้นให้โอนถ่ายระบบไปยังหน่วยงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมกลาง ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....
2. พัฒนามาตรฐานบัตร และหัวอ่าน (Reader) ในรูปแบบ ABT 3. ประเมินต้นทุนในการปรับปรุงระบบของผู้ให้บริการ (Operator) ต่างๆ

ด้านอัตราค่าโดยสารและนโยบาย 1. เส้นทางที่อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานที่กำกับดูแลโดยกระทรวงคมนาคม (รฟม./รฟท.) ให้ดำเนินการเจรจาการปรับใช้โครงสร้างอัตราตั๋วร่วม 2. สำหรับเส้นทางที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานให้พิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขสัญญา หรือการประมูลให้สอดคล้องกับโครงสร้างอัตราใหม่ 3. สำหรับเส้นทางที่อยู่ระหว่างการวางแผนและการศึกษา ให้ดำเนินการปรับปรุงและพิจารณา การวิเคราะห์และวางแผนโครงการในอนาคต โดยคำนึงถึงโครงสร้างอัตราตั๋วร่วม

4. พิจารณาแนวทางในการจัดสรรรายได้ค่าโดยสาร และการเก็บค่าบริหารระบบกลางในสัญญาต่าง ๆ 5. ติดตามการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ให้เป็นไปตามกรอบข้อเสนอแนะ คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success Factors) ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วมแบบสมบูรณ์ ประกอบด้วย พระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่สามารถบังคับใช้มาตรฐานระบบตั๋วร่วมกลาง โครงสร้างอัตราตั๋วร่วมทุกรูปแบบการเดินทางและการจัดสรรรายได้ การบังคับใช้ และการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ระบบที่สมบูรณ์ ทั้งในด้านงบประมาณและเทคโนโลยี

การจัดตั้งระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House: CCH) เพื่อรองรับระบบตั๋วร่วม ในรูปแบบ ABT เพื่อจัดการระบบบัตรโดยสารและบัญชีผู้ใช้งาน โดยระบบสามารถเปิดรองรับผู้ออกบัตรหลายรายทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบ และการจัดตั้งองค์กรกลาง เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในรูปแบบที่สมบูรณ์ ทั้งทางด้านเทคนิค การกำกับดูแล และการพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม พร้อมทั้งได้นำเสนอ คนต. พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค จำนวน 3 คณะ และคณะทำงานด้านนโยบาย จำนวน 3 คณะ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการ

ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 1) ให้ ทล. พิจารณาการเพิ่มช่องทางลงทะเบียนระบบ M-Flow และพิจารณาการกำหนดแนวทาง วิธีการ ขั้นตอน และแบบฟอร์ม ให้มีความกระชับและสะดวกต่อการลงทะเบียนของผู้ใช้บริการมากขึ้น 2) ให้ สนข. ร่วมกับ ทล. จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้บริการระบบ M-Flow เพื่อให้เข้ามาลงทะเบียนระบบ M-Flow มากยิ่งขึ้น 3) ให้ กทพ. ถอดบทเรียนการดำเนินงานของ ทล. เพื่อปรับปรุงแนวทางการลงทะเบียนระบบ M-Flow และการให้บริการให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้บริการมากขึ้น

4) ให้ บมจ.ธนาคารกรุงไทยพิจารณาความเหมาะสมในการนำระบบ EMV มาใช้กับทางพิเศษว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด พร้อมกันนี้ ให้ กทพ. พิจารณาแผนการดำเนินงานการติดตั้งระบบ EMV และระบบ M-Flow ให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อมิให้เกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับการเก็บค่าผ่านทางพิเศษไปสู่ระบบ M-Flow ทั้งหมด 5) ให้ สนข. ทบทวนร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ที่ได้มีการศึกษาไว้แล้วว่าสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้หรือไม่ ก่อนนำเสนอ คนต. ในการประชุมครั้งต่อไป

6) ให้คณะอนุกรรมการ จัดทำ Action Plan เกี่ยวกับ Key Success Factors ในการพัฒนาระบบตั๋วร่วม เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้เกิดเป็นรูปธรรม 7) การจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ให้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จมาเป็นต้นแบบในการดำเนินงาน 8) ให้ สนข. ร่วมกับคณะอนุกรรมการ ศึกษามาตรฐานหลักเกณฑ์โครงการระบบขนส่งทางราง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (MRT Assessment Standardisation) ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน 9) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และ 10) ให้ สนข. และคณะอนุกรรมการฯ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเป็นระยะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมของกระทรวงคมนาคม






กำลังโหลดความคิดเห็น