ผู้จัดการรายวัน 360 - H&M ขยายธุรกิจใหม่ในไทย ชูธงเปิดร้านH&M HOME เซ็นทรัลเวิลด์เป็นแห่งแรกในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แตกไลน์สินค้าตกแต่งบ้านรองรับตลาดที่เติบโตดี ชูกรุงเทพฯเป็นจุดหมายด้านแฟชั่นและตลาดที่มีศักยภาพ
Ida Lindahl, General Manager, H&M HOME เปิดเผยว่า ทางเฮชแอนด์เอ็มเล็งเห็นศักยภาพของเมืองกรุงเทพซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางด้านแฟชั่นที่มีความสำคัญ เป็นศูนย์กลางแห่งดีไซน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราเห็นโอกาสอันดีในการนำสินค้า H&M HOME มาเสนอให้กับลูกค้าของเราอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเรามีแผนที่จะนำ H&M HOME มาเปิดบริการที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิดแล้ว ซึ่งร้านแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คอนเซ็ปท์สโตร์ทั่วโลกของ H&M HOME
ประเทศไทยมีการเติบโตของตลาดบ้านที่สูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นี้ ทำให้ธุรกิจสินค้าการตกแต่งบ้านก็เติบโตไปด้วย อีกทั้งสถานการณ์โควิดทำให้คนหันมาสนใจและลงทุนกับของใช้ในบ้านและการตกแต่งบ้านมากขึ้นด้วยเช่นกัน และนอกจากนี้คนไทยยังมีความสนใจด้านแฟชั่นและเทรนด์ และมีรสนิยมด้านศิลปะที่สูง เราหวังว่าแบรนด์ของเราจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น และเป็นที่สนใจของคนไทย
“เราคิดว่ายอดขายน่าจะดี และการรับรู้ถึงแบรนด์ H&M HOME ก็น่าจะดีด้วยเช่นกัน เราจะได้ทำความรู้จักลูกค้าคนไทยมากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นในอนาคต เราคิดว่าร้านของเราจะมียอดขายที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เรามองหาสถานที่ใหม่ ๆ และโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่เราไม่สามารถเปิดเผยกลยุทธ์ในการขยายสาขาของเราให้ภายนอกทราบได้ เพราะตลาดนี้มีการแข่งขันสูงมาก ดังนั้นเราบอกได้แค่ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน เราก็จะไปอยู่ที่นั่น เราให้ความสำคัญต่อการเลือกสถานที่ที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจ เรายอมที่จะล่าช้าไปกว่าแผนและรอจนกว่าจะได้สถานที่ที่เราอยากได้จริง ๆ” Ida Lindahl กล่าว
สำหรับธุรกิจของ H&M HOME ที่เป็นคอนเซ็ปท์สโตร์แห่งแรกในไทยนี้ เป็นสโตร์เกี่ยวกับการตกแต่งบ้านและไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมพื้นที่ 665 ตารางเมตร และจะมอบประสบการณ์ที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสสินค้าของ H&M HOME ในบรรยากาศที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้านและโรงแรมในเมืองใหญ่ยุคโมเดิร์น สินค้าภายในร้านแบ่งคอนเซ็ปท์ตามห้องในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเด็ก นอกจากนี้เรายังมีคอลเลกชั่นสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และโคมไฟ และ Classic Collection ที่เป็นสินค้าตกแต่งบ้านระดับพรีเมี่ยม ทั้งหรูหราและสวยงามเหนือกาลเวลา ราคาสินค้าอยู่ที่ระหว่าง 79 บาทไปจนถึง 10,000 บาท ลูกค้าสามารถซื้อได้ทั้งปลอกหมอน หรือจานใบเล็กในราคาที่ย่อมเยาว์ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และพรมที่ราคาสูง โดยเรามีฐานการผลิตทั้งในเอเชียและยุโรปเพื่อผลิตสินค้าให้กับ H&M HOME ในทุกประเทศ ผู้ผลิตบางแห่งผลิตสินค้าให้กับ H&M HOME แต่เพียงผู้เดียว และมีผู้ผลิตบางราย โดยเฉพาะสำหรับผ้าและสิ่งทอ ที่เป็นผู้ผลิตเดียวกับที่ H&M
ทั้งนี้ส่วนที่เป็น H&M HOME จะครอบคลุมพื้นที่ 25% ของพื้รที่่ร้านเอชแอนด์เอ็มเดิมทั้งหมดและจะใช้ทีมงานแยกกันเพื่อให้สามารถทุ่มเทให้กับแบรนด์อย่างเต็มที่ และทั้งสองแบรนด์จะมีหน้าร้านและทางเข้าที่แยกกันอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเราจะมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างสองร้านนี้ สามารถเดินจากร้านหนึ่งไปอีกร้านหนึ่งได้ และจ่ายเงินที่ร้านไหนก็ได้ ทั้งร้านแฟชั่นและร้านของแต่งบ้าน ใช้เคาน์เตอร์ไหนก็ได้
“เราวางแผนกิจกรรมการตลาดให้มีความน่าสนใจและน่าตื่นเต้นเสมอ และอยากให้กิจกรรมของเราสื่อให้เห็นว่าสินค้าของเราและดีไซน์ของเรามีความหลากหลาย กิจกรรมของเราเป็นเหมือนบัตรเชิญให้ทุกคนมาทำความรู้จักคอนเซ็ปท์สโตร์ของเรา สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าและบอกเล่าเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา ความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เราปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขอนามัยอย่างต่อเนื่องและมีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด” Ida Lindahl กล่าว
ขณะนี้มีจำหน่ายสินค้า H&M HOME ในร้านแห่งใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้าน H&M HOME ออนไลน์ผ่าน th.hm.com แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาที่แน่ชัดได้
“ดีเอ็นเอของแบรนด์เราก็คือการมอบสินค้าที่ทันสมัย สร้างแรงบันดาลใจ น่าเชื่อถือ และตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคน ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อทุกธุรกิจภายใต้ H&M Group ในเรื่องการทำงานเพื่อสร้างความยั่งยืนนั้นเราทำตามแผนเดียวกับแบรนด์ H&M เราอยากเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและทำให้แฟชั่นและการตกแต่งบ้านเป็นเรื่องที่สนุกสนานทั้งในวันนี้และสำหรับคนรุ่นหลัง เราให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าของเราอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และสินค้าต้องมีคุณภาพและทนทาน ตัวอย่างเช่น เรานำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นโลหะ ไม้ แก้ว หรือผ้าฝ้าย โดย ผ้าฝ้ายที่เราใช้มาจากแหล่งที่ยั่งยืน 100% และผ้าที่เราใช้กว่า 90% ก็จัดหาด้วยกระบวนการที่ยั่งยืน เราร่วมงานกับโปรเจ็คเพื่อสังคมและช่วยเหลือสังคมไปพร้อม ๆ กับการลงทุนเพื่อมองหานวัตกรรมวัสดุใหม่ ๆ และขั้นตอนการผลิตใหม่ ๆ ตลอดทั้งกระบวนการการทำงานของเรา” Ida Lindahl กล่าว
Ida Lindahl กล่าวต่อว่า ร้านแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คอนเซ็ปท์สโตร์ทั่วโลกของเรา เรามีวิสัยทัศน์ในการเปิดตัวร้านที่มอบประสบการณ์ไม่เหมือนใครในหลากหลายเมือง ร้านแห่งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจและมอบบริการที่ยอดเยี่ยม ทั้งบริการรายบุคคลเช่นการปรับแต่งสินค้า และความช่วยเหลือด้านเทคนิค และการส่งสินค้าถึงบ้านทั่วประเทศ ลูกค้าสามารถมาที่ร้านเราและซื้อดอกไม้สดหรือต้นไม้ได้ด้วย หรือแวะมาที่คาเฟ่ในร้านของเรา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดกิจกรรม ลูกค้าของเราจะสามารถพบผลงานความร่วมมือใหม่ ๆ และกิจกรรมน่าสนใจได้ตลอด
