ผู้จัดการรายวัน 360 - “เซ็นทรัลพัฒนา” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้รวม 5,103 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท ส่วนภาพรวมงวดเก้าเดือนของปี 2564 มีรายได้รวม 20,995 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,332 ล้านบาท พร้อมเล็งลงทุนธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2564 บริษัทฯ ยังคงรักษากำไรได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 3-4 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2564 มีรายได้รวม 20,995 ล้านบาท ลดลง 11% และกำไรสุทธิ 5,332 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ต้องปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในพื้นที่ควบคุมเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน
บริษัทฯ ยังคงช่วยเหลือผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง มีการบริหารจัดการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาสภาพคล่องทางการเงินและความสามารถในการทำกำไรอย่างสุดความสามารถ
สถานการณ์ปัจจุบัน หลังคลายล็อกดาวน์สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนกล้ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น รวมทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขายกระดับมาตรการความสะอาดปลอดภัยเชิงรุก “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ส่งผลให้จำนวนทราฟฟิกของศูนย์การค้าส่วนใหญ่กลับมา 70-75% สำหรับสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนสาขาในต่างจังหวัดทราฟฟิกกลับมาเกือบ 100% แล้ว
ล่าสุดได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF และเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยธุรกิจของ SF จะช่วยเสริมการเติบโตในระยะยาวได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านโครงการศักยภาพสูงหลายแห่ง เช่น คอมมูนิตีมอลล์ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับ Super Regional Mall อย่างเมกาบางนา ที่ทาง SF ร่วมลงทุนและพัฒนากับผู้นำธุรกิจค้าปลีกระดับโลกอย่าง IKEA
ล่าสุดเปิดให้บริการ “เซ็นทรัล ศรีราชา” ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 64 ที่ผ่านมา ภายใต้การคุมเข้มมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” โดยในวันแรกที่เปิดให้บริการได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จำนวนทราฟฟิกสูงถึง 30,000 คน เกินเป้าหมายที่วางไว้ และเตรียมเปิด “เซ็นทรัล อยุธยา” วันที่ 30 พฤศจิกายน 64 นี้ และเตรียมเปิดเซ็นทรัล จันทบุรี กลางปี 2565 และโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2566-2567 เป็นต้นไปอีกด้วย
ปัจจุบันเซ็นทรัลพัฒนาบริหารจัดการศูนย์การค้า 35 แห่ง (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 19 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์การค้าภายใต้กิจการร่วมค้า 1 แห่ง คอมมูนิตีมอลล์ 17 แห่ง ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 19 โครงการ
สำหรับแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2564-2568) บริษัทฯ ได้ปรับแผนการลงทุน และแผนพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า ยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ
