"เซ็นทรัลพัฒนา" กำไรงวดนี้ลดเหลือ 229.18 ล้านบาท จากเดิมที่ทำไว้ 2,480.53 ล้านบาท หรือลดลง 90.8% เพราะรับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องปิดให้บริการศูนย์การค้าชั่วคราวในพื้นที่เสี่ยงเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ขณะเดียวกัน บริษัทดำเนินการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผลการดำเนินงาน
น.ส.นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินบัญชีและบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 229.18 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ทำไว้ 2,480.53 ล้านบาท หรือลดลง 90.8% ขณะที่มีรายได้รวม 5,103 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าเช่าและบริการไตรมาส 3 ปี 2564 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการปิดให้บริการศูนย์การค้าชั่วคราวในพื้นที่เสี่ยงเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน
หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ศูนย์การค้าทุกแห่งเปิดให้บริการตามปกติ และฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 รอบแรก ได้ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน บริษัทได้ดำเนินการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผลการดำเนินงานให้มากที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ปัจจุบัน บริษัทบริหารจัดการศูนย์การค้าทั้งสิ้น 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8 ล้านตารางเมตร รวมถึงมีอัตราการเช่าฟื้นที่ศูนย์การค้าในประเทศเฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 จำนวน 91% ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่เริ่มปรับตัวลง ความคืบหน้าการกระจายวัคซีนที่รวดเร็ว และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 รวมถึงกรเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และต่อเนื่องถึงปี 2565
อย่างไรก็ดี CPN ยังคงเดินหน้าลงทุนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ โดยล่าสุด เปิดให้บริการ "เซ็นทรัล ศรีราชา" ต้นแบบโครงการมิกซ์ยูสแห่งอนาคต และครบครันที่สุดในภาคตะวันออก ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้าน เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 27 ต.ต.64 ภายใต้การคุมเข้มมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" โดยในวันแรกที่เปิดให้บริการได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามโดยจำนวนทราฟฟิกสูงถึง 30,000 คน เกินเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งเดินหน้าเตรียมเปิด "เซ็นทรัล อยุธยา" ในวันที่ 30 พ.ย.64 นี้ และเตรียมเปิดเซ็นทรัล จันทบุรี ในช่วงกลางปี 65 และโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับ บมจ.ดุสิตธานี (DUSIT) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 66-67 เป็นต้นไป
สำหรับแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 64-68) บริษัทได้มีการปรับแผนการลงทุน และแผนพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และ ยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน