องค์การการค้าโลก (WTO) ส่งหนังสือเชิญรัฐมนตรีการค้า 164 ประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีครั้งแรกในรอบ 4 ปีสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาอุดหนุนประมง ลดอุดหนุนเกษตร ห้ามจำกัดส่งออกเกษตรที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารโลก ปฏิรูปและเพิ่มบทบาทของ WTO
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า องค์การการค้าโลก (WTO) ได้กำหนดจัดการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 12 (MC12) ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค. 2564 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยจะเป็นการประชุมระดับสูงสุดของ WTO ที่จัดขึ้นในรอบ 4 ปี นับจากการประชุม ครั้งที่ 11 เมื่อปี 2560 ซึ่งเดิมทีมีแผนจะจัดการประชุม MC12 ขึ้นในปี 2563 ณ สาธารณรัฐคาซัคสถาน แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19
ล่าสุด นางเอ็นโกซี โอคอนโจ อิเวลา ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ร่วมกับรัฐมนตรีการค้าคาซัคสถาน และประธานคณะมนตรีใหญ่ WTO ได้ออกหนังสือเชิญไปยังรัฐมนตรีการค้าประเทศสมาชิก WTO ทั้ง 164 ประเทศแล้วเพื่อเชิญเข้าร่วมประชุมที่นครเจนีวา ภายใต้มาตรการและแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางสาธารณสุข โดยมีการจำกัดจำนวนผู้แทนที่เข้าร่วมในห้องประชุมใหญ่ การรักษาระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัย เป็นต้น
นางอรมนกล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรี MC12 ที่กำลังจะจัดขึ้นนั้น สมาชิก WTO ได้ตั้งเป้าที่จะสรุปผลการเจรจาในประเด็นสำคัญ เช่น การจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง ซึ่งสมาชิกอยู่ระหว่างเจรจาอย่างเข้มข้นเพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้ตามกำหนด การหาข้อสรุปการเจรจาเรื่องเกษตรในส่วนการลดการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตรที่บิดเบือนการค้า การเสริมสร้างความโปร่งใส และการยกเว้นมาตรการห้ามหรือจำกัดการส่งออกสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารโลก การสรุปประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูป WTO เพื่อให้เป็นองค์กรที่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบันมากขึ้น และการสรุปประเด็นที่จะเพิ่มบทบาทของ WTO ในการรับมือกับโควิด-19
สำหรับการเตรียมการของไทย กรมฯ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ไทยร่วมมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเจรจาร่วมกับสมาชิก WTO ในประเด็นสำคัญข้างต้น ซึ่งการหาข้อสรุปของ WTO ในการประชุม MC12 มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของประชาคมโลกต่อ WTO โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นเวทีจัดทำกฎเกณฑ์ทางการค้าโลก และกำกับดูแลการค้าระหว่างประเทศให้เสรีและเป็นธรรม ท่ามกลางการปรับตัวทางเศรษฐกิจการค้าโลกที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19