“สินิตย์” สั่งการกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศลงพื้นที่ให้ความรู้เกษตรกร ผู้ประกอบการผลไม้เตรียมตัวใช้ประโยชน์ RCEP หลังคาดบังคับใช้ต้นปี 65 เผยเกาหลีใต้ลดภาษี “ทุเรียน” ปีละ 4.5% เหลือ 0% ในปีที่ 10 และทยอยลดภาษีมังคุด ฝรั่ง มะละกอ อินทผลัม เปลือกส้ม ส่วนจีนลดภาษีผลไม้แปรรูปเหลือ 0% ในปีที่ 20 ญี่ปุ่นทยอยลดภาษีนำเข้ามะเขือเทศเหลือ 0% ในปีที่ 16
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนผลไม้ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น อุตรดิตถ์ (ทุเรียน สับปะรด มังคุด) อุดรธานี (มะม่วง กล้วยหอม) ยะลา-เบตง (ทุเรียน มังคุด) เป็นต้น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2565 รวมถึงชี้แจงเรื่องกฎระเบียบทางการค้า พฤติกรรมของผู้บริโภค และช่องทางการจำหน่าย ทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการผลไม้ของไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ภายใต้ความตกลง RCEP ไทยประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดสินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูปเพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ในปัจจุบันหลายรายการ เช่น เกาหลีใต้ จะทยอยลดภาษีนำเข้าทุเรียนปีละ 4.5% จนเหลือ 0% ในปีที่ 10 (ปี 2574) หลังจากความตกลงใช้บังคับ รวมทั้งจะทยอยลดภาษีนำเข้า มังคุด ฝรั่ง มะละกอ อินทผลัม เปลือกส้ม เหลือ 0% ในปี 2574 ส่วนจีน ปัจจุบันยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้สดและแปรรูปส่วนใหญ่ให้ไทยแล้วภายใต้ FTA อาเซียน-จีน แต่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้แปรรูปเพิ่มเติมจนเหลือ 0% ในปีที่ 20 หลังความตกลงมีผลบังคับใช้ (ปี 2584) ขณะที่ญี่ปุ่น จะทยอยลดภาษีนำเข้าน้ำมะเขือเทศเหลือ 0% ในปีที่ 16 หลังจากความตกลงมีผลบังคับใช้ (ปี 2579) เป็นต้น
สำหรับผลไม้ เป็นสินค้าเกษตรสำคัญของไทย นำรายได้เข้าประเทศกว่าปีละ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้ FTA ของไทยที่มีผลบังคับใช้แล้ว 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ปัจจุบัน 12 ประเทศคู่ FTA ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู บรูไนฯ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา และฮ่องกง ไม่เก็บภาษีศุลกากรนำเข้าผลไม้สด แช่แข็งและแห้ง ที่ส่งออกจากไทยทุกชนิด ส่วนอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ไม่เก็บภาษีนำเข้ากับผลไม้ส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากไทย ยังคงเหลือเก็บแค่บางชนิด
ในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งออกผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและผลไม้แห้งไปทั่วโลก มูลค่ารวม 5,164.68 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 52% โดยไทยส่งออกไปประเทศคู่ FTA สัดส่วนสูงถึง 97% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด และส่งออกไปประเทศสมาชิก RCEP สัดส่วน 92% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด ซึ่งจีนถือเป็นตลาดส่งออกผลไม้สำคัญของไทย มีมูลค่าส่งออก 3,824 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 89% คิดเป็นสัดส่วน 86% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด รองลงมาคือ ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตามลำดับ โดยผลไม้ไทยที่การส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ทุเรียน มะม่วง ลำไย เงาะ และมังคุด เป็นต้น