กบง.เห็นชอบรับมือราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรเร่งด่วน ปรับลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ B7 ลง 1 บาท/ลิตร พร้อมปรับสูตรดีเซลเหลือ 2 เกรดคือ B6 และ B20 ลดผสมไบโอดีเซลที่ราคาแพง มีผล 11 ต.ค.-31 ต.ค.นี้ แยกบัญชี LPG ออกมาหลังอุดหนุนติดลบหนัก หันเจรจา สศช.ใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทตรึงถึงม.ค. 65 สนพ.ลั่นใช้เงิน 3,000 ล้านบาทรับมือน้ำมันได้จนถึงระดับ 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการที่จะดูแลราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาตลาดโลกที่สูงต่อเนื่องทั้งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และดีเซลที่ราคาขายปลีกบางประเภทโดยเฉพาะ B7 ขึ้นสูงกว่า 30 บาท/ลิตร ดังนั้นจึงได้เตรียมมาตรการระยะสั้นไว้รองรับ โดยระยะเร่งด่วนบ่ายนี้จะประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่จะลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่เก็บอยู่ 1 บาท/ลิตรเหลือ 1 สตางค์/ลิตร รวมกับการพิจารณาค่าการตลาดให้เหลือเฉลี่ย 1.40 บาท/ลิตรหากค่าการตลาดอยู่ที่ 1.80 บาท/ลิตร ดังนั้นราคาขายปลีก B7 มีแนวโน้มจะลดลงอย่างน้อยราว 1 บาท/ลิตร โดยจะมีผล 5 ต.ค.นี้
จากนั้นระหว่างวันที่ 11-31 ต.ค. 64 กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะออกประกาศกำหนดลักษณะและคุณภาพน้ำมันดีเซลเพื่อลดสัดส่วนการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพหรือไบโอดีเซล (บี100) ในดีเซลทั้ง B10 (ผสมบี100 ในดีเซล 10%) และ B7 (ผสม 7%) เหลือเป็น B6 เนื่องจากราคาบี 100 มีราคาสูงเพื่อลดผลกระทบราคา โดย B6 จะมีราคาราวๆ 30.12 บาท/ลิตร และลดค่าการตลาดดีเซลเหลือ 1.40 บาท/ลิตร โดยกองทุนน้ำมันฯ จะเข้าไปชดเชยราคาราว 2 บาท/ลิตรซึ่งจะทำให้ต่ำกว่าระดับ 30 บาท/ลิตร หรืออยู่ราว 28.29 บาท/ลิตรได้
สำหรับ LPG ที่ก่อนหน้านี้ กบง.ได้เห็นชอบกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันฯ บัญชี LPG ดูแลไว้ไม่เกิน 1.8 หมื่นล้านบาทเพื่อตรึงราคา LPG ขายปลีกภาคครัวเรือนที่ระดับ 318 บาท/ถัง (15 กิโลกรัม) ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2564-31 ธ.ค. 2564 กบง.ได้พิจารณาแนวทางจะขยายกรอบเวลาการดูแลไปจนถึง 31 ม.ค. 2565 และแยกการดูแลออกมาเนื่องจากติดลบแล้วกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยระหว่างนี้กระทรวงพลังงานจะหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทมาช่วยเหลือเป็นระยะเวลา 4 เดือน คือ ต.ค. 64-ม.ค. 65 ในการตรึงราคาระดับดังกล่าวต่อไป
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลภาพรวมจะอยู่ระดับ 28.29 บาท/ลิตร ถ้าน้ำมันดิบตลาดโลกสูงขึ้นไปกว่า 76 เหรียญต่อบาร์เรลก็จะสามารถนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เหลือเข้ามาช่วยไม่เกิน 30 บาท/ลิตร โดยตรึงระดับราคา 28 บาทกว่า/ลิตรถึงสิ้นเดือน ต.ค. จากนั้นจะประมาณการสถานการณ์น้ำมันต่อเนื่องถ้าขึ้นมากกว่าที่กำหนดไว้ก็จะหารือและกำหนดมาตรการสำรองเพื่อรองรับต่อไป ขณะเดียวกัน กบง.ได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมพิจารณาเรื่องการกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ รองรับในกรณีที่เกิดวิกฤตราคาน้ำมันไว้ด้วย ซึ่งตามกฎหมายเปิดช่องให้กองทุนน้ำมันฯ กู้เงินได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การดูแลราคาพลังงานมี 2 ส่วนหลัก คือ การลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของ B7 เหลือ 1 สตางค์/ลิตร จากนั้นปรับเป็นดีเซลฐาน B6 กองทุนฯ จะใช้เงินชดเชยราว 2 บาทกว่า/ลิตรหรือคิดเป็นเงินที่จะใช้ราว 3,000 ล้านบาท โดยจะสามารถรับมือได้ไปจนถึงระดับราคาน้ำมันดิบขึ้นไปแตะสูงสุด 85 เหรียญ/บาร์เรล
