ผู้จัดการรายวัน 2564 - แม็งโกทรี เวิลด์ไวด์ (Mango Tree Worldwide) ผู้นำด้านการดำเนินงานร้านอาหารไทยระดับโลก เผยความสำเร็จสวนกระแสโควิด เตรียมเพิ่มจำนวนสาขาในต่างประเทศเป็น 2 เท่าในปีนี้ จำนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมารวมกัน ชูกลยุทธ์ปั้นคอนเซ็ปต์ใหม่ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้ร้านอาหารไทย
นายเทรเวอร์ แม็กเคนซี กรรมการผู้จัดการและหุ้นส่วน แม็งโกทรี เวิลด์ไวด์ กล่าวว่า ในปี 2562 แม็งโกทรีได้เปิดร้านอาหาร 10 แห่งทั่วเอเชียใน 5 รูปแบบ จากนั้นลดลงเหลือ 7 แห่งในปี 2563 แต่ในปีนี้ (2564) แม็งโกทรีได้กลับมาเติบโตอีกครั้ง และเปิดร้านอาหารได้ถึง 17 แห่งทั่วภูมิภาค
ความเติบโตแบบก้าวกระโดดของแม็งโกทรีในปีนี้ รวมถึงการขยายแบรนด์ในเวียดนาม การขยายตัวสู่ตลาดเดิมอย่างประเทศจีน และการสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ ให้กับธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่ “คลาวด์คิตเชน” (Cloud Kitchen) ครัวกลางที่เป็นศูนย์ส่งอาหาร และ “ร้านอาหารในชุมชน” (Community Dining) ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว โดยทั้ง 2 แนวคิดถือเป็นกระดูกสันหลังของการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแม็งโกทรี นอกจากนั้น ในปีนี้ยังมีการวางแผนผลักดันร้านอาหารในต่างประเทศทั้งหมด 83 สาขาในทุกรูปแบบอีกด้วย
นายเทรเวอร์กล่าวว่า “ปี 2564 นี้เป็นช่วงเวลาที่ร้อนระอุสำหรับธุรกิจร้านอาหาร แต่เราก็ได้ค้นพบวิธีที่จะฟื้นฟู ปรับตัว และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ซึ่งสามารถช่วยให้เราเปลี่ยนเป็นปีที่เติบโตเป็นประวัติการณ์สำหรับแม็งโกทรี”
กุญแจสู่การเปลี่ยนแปลง คือการนำ 2 แนวคิดใหม่มาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือการย้อนกลับไปที่รากฐานเดิมของแบรนด์โคคา (COCA) เน้นการรับประทานอาหารสำหรับครอบครัว โดยได้ถือกำเนิด “COCA Pop Up” ภายใต้แนวคิด “ร้านอาหารในชุมชน” (Community Dining) เสิร์ฟอาหารไทย จีน หม้อไฟ ติ่มซำ และบะหมี่ที่ได้รับความนิยมสูง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัวที่ย้ายที่อยู่อาศัยออกจากเมืองไปยังย่านชานเมืองเป็นจำนวนมาก
อีกแนวคิดที่เป็นนวัตกรรม คือการเปิดตัว “คลาวด์คิตเชน” (Cloud Kitchens) ศูนย์กลางการปรุงอาหารและจัดส่งอาหาร โดยใช้ประโยชน์จากการเช่าพื้นที่ราคาต่ำในพื้นที่ที่มีประชากรสูงเพื่อส่งมอบอาหารได้รวดเร็วยิ่งขึ้น คลาวด์คิตเชนของแม็งโกทรีแห่งแรกตั้งขึ้นในเขตลาดพร้าว และแห่งที่สองคือ กรุงเทพฯ คลาวด์คิตเชน (Bangkok Cloud Kitchen) ซึ่งจะจัดตั้งขึ้นภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ รวมถึงที่แรกในมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคต
ทั้ง 2 แนวคิดใหม่นี้ช่วยกระตุ้นการเติบโตของแม็งโกทรีอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถเปิดร้านอาหารใหม่ทั่วภูมิภาคได้ถึง 17 แห่งในปีนี้ ได้แก่ 3 แห่งในเวียดนาม โดยร่วมมือกับ Novaland, 4 แห่งในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน, 4 แห่งในฟิลิปปินส์, 3 แห่งในญี่ปุ่น, 1 แห่งในอินเดีย และ 2 แห่งในประเทศไทย
“เราได้พัฒนาธุรกิจให้นำมาซึ่งความภักดีของลูกค้า รวมถึงการใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น และใช้โอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดในการฟื้นตัวธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านั้นเราหาทำเลร้านเช่าในตำแหน่งที่ดีที่สุดถือเป็นเรื่องยาก แต่ในปัจจุบันเจ้าของพื้นที่เช่าต่างอยากให้เราเข้าไปเช่าพื้นที่เพื่อทำการค้า ช่วยให้เราสามารถขยายสาขาได้มากขึ้น” นายเทรเวอร์กล่าวเสริม
ร้านอาหารแม็งโกทรีและโคคาในทุกรูปแบบจะเติบโตเป็น 83 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าไว้สำหรับปี 2565 จะเปิดร้านอาหารเกิน 100 แห่งทั่วภูมิภาค โดยเน้นธุรกิจแฟรนไชส์หลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของสาขาในประเทศจีน เวียดนาม และญี่ปุ่น ซึ่งได้นำนวัตกรรมการทำอาหารที่เชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน ผสานแนวคิดการบริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพ