“ทูตพาณิชย์เวียนนา” เผย IKEA สาขารักษ์โลกมากที่สุดเปิดให้บริการกลางกรุงเวียนนาแล้ว มีความพิเศษตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึง ไม่มีที่จอดรถ ถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุด ใช้วัสดุและนวัตกรรมประหยัดพลังงาน แนะผู้ประกอบการไทยเรียนรู้ และนำปรับใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า รับกระแสการปกปกป้องสิ่งแวดล้อมโต
น.ส.อรอนุช ผดุงวิถี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา เปิดเผยว่า ขณะนี้ IKEA ได้เปิดให้บริการ Flagship Store ที่ชูความเป็นผู้นำตลาดด้านการรักษ์โลกในวันที่ 26 ส.ค. 2564 เร็วกว่ากำหนดการเดิมที่จะเปิดให้บริการในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หลังจากก่อสร้างมาเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี โดยสาขานี้มีความพิเศษตรงที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ต่างจากสาขาอื่นๆ ที่มักตั้งอยู่บริเวณชานเมือง ถูกออกแบบมาเป็นการเฉพาะเพื่อสนองตอบรูปแบบการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
IKEA สาขานี้มีที่ตั้งอยู่บนถนน Mariahilferstrasse ซึ่งเป็นถนนชอปปิ้งสายหลักของกรุงเวียนนา และยังเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเวียนนาได้อย่างแยบยล โดยตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสถานีรถไฟ Westbahnhof รถไฟฟ้าใต้ดิน 2 สาย รวมถึงระบบขนส่งรถราง อันเป็นความตั้งใจที่จะให้ผู้คนสามารถเดินทางมายัง IKEA สาขานี้โดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และไม่มีที่จอดรถให้บริการ มีเพียงที่จอดจักรยานเท่านั้น ลูกค้าสามารถซื้อและนำสินค้าขนาดเล็กที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 10 กิโลกรัมกลับบ้านได้เอง ส่วนสินค้าขนาดใหญ่จะมีบริการจัดส่งให้ถึงที่พักภายใน 24 ชั่วโมง อันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญในการประชาสัมพันธ์ว่า “รถยนต์ไม่มีความจำเป็นหรือเป็นที่ต้องการสำหรับที่นี่” ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในกรุงเวียนนาที่นิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและไม่นิยมเป็นเจ้าของรถยนต์
ทั้งนี้ ห้าง IKEA Westbahnhof ถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดด้วยการสร้างสวนสาธารณะบนชั้น
ดาดฟ้าและมีการปลูกต้นไม้บนอาคารรวมกว่า 160 ต้น เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ส่งเสริมความยั่งยืน และมีการใช้นวัตกรรมเพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งเน้นความสามารถในการรับแสงธรรมชาติจากภายนอกและถ่ายเทอากาศตามธรรมชาติได้ และ IKEA สาขานี้ยังมีเป้าหมายที่จะเป็นมากกว่าแค่แหล่งชอปปิ้งที่เรียบง่าย แต่ยกระดับเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใจกลางเมือง โดยภายในอาคารเดียวกันจะมีที่พักโฮสเทลและร้านอาหารต่างๆ ซึ่งสามารถรองรับได้ทั้งลูกค้าที่มาซื้อของ แขกของห้องพัก และลูกค้าทั่วไป
“กระแสรักษ์โลกซึมลึกในพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุโรป โดยเฉพาะการลดการสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ชาวออสเตรียรักและภูมิใจในธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของประเทศ จึงทำให้ชาวออสเตรียให้ความสำคัญสูงสุดต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ประกอบการปัจจุบันนอกจากจะต้องปรับตัวให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้ว บ่อยครั้งยังต้องเร่งสร้างบทบาทในการเป็นผู้นำตลาดโดยไม่รีรอให้ผู้บริโภคเป็นผู้เปิดประเด็นก่อน อันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าและแบรนด์ และยังได้เปรียบในเชิงการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ผู้ประกอบการไทยสามารถนำไปปรับใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ทุกประเภท เพราะหากคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสูงสุด จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้าผ่านการสร้างแบรนด์ให้สามารถเข้าสู่หัวใจของผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน” น.ส.อรอนุชกล่าว
