ปตท.สผ.เร่งศึกษาลงทุนเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด และโครงการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันหนุน ARV ตั้งบริษัทย่อยระดมทุนรูปแบบ VC พัฒนาเทคโนโลยี พร้อมตั้งเป้าปี 73 มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่แตะ 20%
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยเน้นการลงทุนในด้านเทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าด้วยระบบรวมแสงอาทิตย์ (Concentrating Solar Power : CSP) เพื่อนำความร้อนมาผลิตไฟฟ้า โดยใช้พื้นที่น้อยกว่าการทำโซลาร์ฟาร์มหรือวินด์ฟาร์ม รวมไปถึงพลังงานไฮโดรเจนที่มีการเจรจากับพันธมิตรด้วย
พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และนําไปกักเก็บ (Carbon Capture Storage - CCS) ในอ่าวไทย, โครงการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นผลิตภัณฑ์โพลีคาร์บอเนต และโครงการเปลี่ยนก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตที่มีการเผาทิ้งเป็นผลิตภัณฑ์ท่อนาโนคาร์บอน ทั้งนี้ ปตท.สผ.ได้มีการจัดทำต้นแบบ (Prototype) ที่โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ และสามารถผลิตออกมาได้แล้ว และอยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อไปสู่เชิงพาณิชย์
รวมทั้งโครงการดังกล่าวเป็นแนวทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปตท.สผ.มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการดําเนินงานของบริษัทให้ได้อย่างน้อย 25% ในปี 2573
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่ Oil & Gas หรือธุรกิจใหม่ อยู่ที่ 20% ภายในปี 2573 จากปัจจุบันรายได้และกำไรส่วนใหญ่ยังคงมาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P)
นายพงศธรกล่าวว่า บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ปตท.สผ.ถือหุ้น 100% เดิมจัดตั้งบริษัทเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ใต้น้ำใช้ซ่อมท่อและแท่นในอุตสาหกรรม E&P และพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เปิดโอกาสให้ ARV รุกเข้าสู่ธุรกิจ Healthcare และปัจจุบันมีแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น ทั้งธุรกิจหุ่นยนต์ใต้น้ำ ธุรกิจโดรน ที่ใช้ในอุตสาหกรรม Oil & Gas การเกษตร ตรวจสอบเสาไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคม ซึ่ง ปตท.มองว่าในอนาคต ARV มีโอกาสเติบโตอย่างมาก และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะสร้างรายได้เข้ามา
อย่างไรก็ตาม บริษัทเริ่มให้ ARV ไปหาเงินลงทุนเอง โดยจัดตั้งบริษัทลูกของ ARV ร่วมทุนกับพันธมิตร โดยนำบริษัทลูกไประดมทุนในรูปแบบ Venture Capital (VC) ที่ปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่จะเข้าไปลงทุน VC กับบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้วยความหวังว่าบริษัทเหล่านั้นจะสามารถเติบโตได้ จึงนำเม็ดเงินเข้าไปร่วมลงทุนใน VC ต่างๆ หรืออาจหวังผลในเรื่องของการซึมซับเทคโนโลยี ซึ่งก็มองว่าบริษัทลูกของ ARV จะเป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีที่มีคนสนใจทั้งในและต่างประเทศที่จะนำเม็ดเงินเข้ามาร่วมพัฒนาเทคโนโลยี หรือธุรกิจต่างๆ และในอนาคตอาจจะเข้าระดมทุนในตลาดทุนก็เป็นไปได้
ปัจจุบัน ARVp มีรายได้ราว 4-5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 128-160 ล้านบาท