ปตท.สผ.-เออาร์วีหนุน ‘จุฬาฯ-ใบยา’ ลงนาม MOU สนับสนุน 30 ล้านบาทพัฒนาวัคซีนโควิดของคนไทยคุณภาพเทียบเท่าต่างชาติ คาดผลิตวัคซีนได้ในไตรมาส 3 ปี 65
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ นายธนา สราญเวทย์พันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงการสนับสนุนงบประมาณ 30 ล้านบาทเพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิดโปรตีนซับยูนิตจากใบยาสูบ “จุฬาฯ-ใบยา” กับ รศ.ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย ประธานมูลนิธิ ซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ และ ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด โดยมี ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงงานต้นแบบการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุด้วยพืช ซึ่งดำเนินการโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนจุฬาฯ-ใบยาครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่มีความสำคัญระดับชาติ ซึ่ง ปตท.สผ.ยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมสนับสนุนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ทั้งงบประมาณ องค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้การค้นคว้าวิจัย ทดลอง ผลิตวัคซีนจุฬาฯ-ใบยาครั้งนี้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยมีวัคซีนต้านโควิดที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ สร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการป้องกันเชื้อโรค
รวมทั้งยังเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จและความสามารถของประเทศไทยในการพึ่งพาตนเองได้อย่างชัดเจน โดยเออาร์วี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท.สผ.จะนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาร่วมในการพัฒนาและผลิตวัคซีนจุฬาฯ-ใบยาครั้งนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ เออาร์วีร่วมกับพันธมิตรได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ได้แก่ เตียงและรถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ ชุดอุปกรณ์ระบบตรวจวัดอุณหภูมิตู้เก็บวัคซีนโควิด-19 และควบคุมห่วงโซ่ความเย็น หุ่นยนต์ CARA นำส่งเวชภัณฑ์และอาหาร หุ่นยนต์ Xterlizer ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติด้วยแสงยูวี เป็นต้น
ด้าน รศ.ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย ประธานมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ กล่าวว่า มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนทางการเงินให้แก่ใบยา ไฟโตฟาร์ม ให้สามารถศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อคิดค้นและผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่คนไทยได้สำเร็จจนข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ และด้วยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเดียวกันนี้ที่เราคนไทยเป็นเจ้าของเองตั้งแต่ต้นน้ำจะช่วยสร้างความมั่นคงให้ระบบสาธารณสุขไทยได้อย่างแท้จริง
ปัจจุบันวัคซีนจุฬาฯ-ใบยา กำลังอยู่ระหว่างทดสอบในมนุษย์ เฟสที่ 1 เบื้องต้นประมาณ 100 คน ในขนาดโดส 10 ไมโครกรัม 50 ไมโครกรัม และ 100 ไมโครกรัม ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่าภายในไตรมาส 3 ปี 2565 จะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากฝีมือคนไทยในประเทศได้เองสูงสุด 5 ล้านโดสต่อเดือน หรือ 60 ล้านโดสต่อปี