บอร์ด รฟท.เคาะเพิ่มงบก่อสร้างรถไฟสายสีแดงค่า VO และภาษีกว่า 4,500 ล้านบาทหลังร่อนหนังสือถามอัยการ ไจก้ามั่นใจสั่งเพิ่มงานปฏิบัติไปตามสัญญา เตรียมชงคมนาคมและ ครม.เห็นชอบ และไฟเขียวให้ รฟฟท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลังปี 54-55
นายจิรุฒม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟท.เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2564 ได้พิจารณาอนุมัติ ทบทวนปรับกรอบวงเงินลงทุนกรณีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) พร้อมทั้งอนุมัติจัดหาแหล่งเงินรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ทั้งนี้ บอร์ดได้มีข้อสังเกตในบางเรื่อง โดยให้ รฟท.ทำรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทั้งยืนยันความถูกต้องให้ครบถ้วนก่อนเสนอไปที่กระทรวงคมนาคม และเพื่อนำเสนอคณะรัฐมตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“เรื่องนี้บอร์ดไม่ได้อยู่หน้างาน ดังนั้นบางเรื่องต้องมีการยืนยันจากผู้บริหารโครงการว่าเรื่องการสั่งงาน VO ได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและข้อกฎหมายครบถ้วนแล้วอย่างไรบ้าง” นายจิรุฒม์กล่าว
รายงานข่าวจาก รฟท.เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดงมีค่างาน VO จำนวน 10,345 ล้านบาท เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท และเป็นงานก่อสร้างเพิ่มเติมจากที่ออกแบบประมาณ 6,220 ล้านบาท โดยในการพิจารณาตัวเลขล่าสุดได้ปรับในส่วนของสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าเครื่องกลและขบวนรถ และค่าที่ปรึกษาออกเนื่องจากสามารถดำเนินการอยู่ในวงเงินของสัญญา ทำให้มีค่างานเพิ่ม VO และค่าภาษีที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของผู้รับเหมาที่เกิดจากการขยายสัญญา 1 สัญญา 2 วงเงินกว่า 800 ล้านบาท
ส่วนประเด็นอำนาจสั่งการและอนุมัติในการเพิ่มงานของวิศวกรผู้มีอำนาจ หรือ The Enginee นั้น จากที่รฟท.ได้มีหนังสือสอบถามอัยการสูงสุดในแง่ของสัญญา ซึ่งอัยการตอบว่าให้ รฟท.ปฏิบัติตามสัญญา และความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้าง ซึ่ง รฟท.ได้สอบถามไปยังบริษัทผู้รับจ้างทั้ง 3 สัญญาก็มีความเข้าใจตรงกันถึงความจำเป็นในการทำงานตามสัญญา
นอกจากนี้ ยังได้สอบถามองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า ในฐานะผู้ให้เงินกู้แล้ว และยังได้จ้างที่ปรึกษากฎหมาย คือ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็น third party วิเคราะห์สัญญาเพื่อให้ความมั่นใจในความถูกต้องอีกด้วย
@ เห็นชอบให้ รฟฟท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง
นายจิรุฒม์กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ด รฟท.ยังได้อนุมัติแก้ไขสัญญาจ้างบริหารการเดินรถไฟฟ้า ระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เลขที่ บฟ.007/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2563 โดยงดการหักเงินค่าจ้างประจำงวดจากบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ทั้งนี้ เพื่อให้ รฟฟท.นำไปชำระค่าภาษี
รายงานข่าวแจ้งว่า รฟฟท.ของดการจ่ายเงินล่วงหน้ารายเดือน 25% งวดเดือน มิ.ย.-ก.ย. 2564 เป็นเวลา 4 เดือนเพื่อนำไปชำระค่าภาษี ซึ่งเงินล่วงหน้านี้เป็นเงินที่ รฟท.จะหักจากค่าจ้างรายเดือนที่จ่ายให้ รฟทท.ในการบริหารเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรมสรรพากรได้มีหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการ รฟฟท. เมื่อเดือน มิ.ย. 2564 เรื่องไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร ตามที่ รฟฟท.ได้มีคำร้องไปยังกรมสรรพากรขอทุเลาการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนมิถุนายน 2555 รวมเป็นเงินจำนวน 24,337,780 บาท ไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่ง รฟฟท.ไม่ได้จัดให้มีหลักประกันการชำระภาษีอากรดังกล่าว กรมสรรพากรพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุอันควรผ่อนผัน ทำให้รฟฟท.จำเป็นต้องจัดหาเงินไปชำระภาษีดังกล่าว
@ ทำข้อตกลงกับบริษัทลูกทรัพย์สินในการทำสัญญาเช่าช่วงที่ดิน
นอกจากนี้ บอร์ด รฟท.ยังเห็นชอบข้อตกลงหลัก หรือ Master Agreement ระหว่าง รฟท. กับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. โดยเป็นข้อตกลงคล้ายกับสัญญาระหว่างกัน แต่เนื่องจากรัฐวิสาหกิจด้วยกัน จึงต้องทำเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก โดยจะเป็นข้อตกลงหลักในการให้บริษัทลูกเข้ามาบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ขอบเขต หน้าที่ในการดำเนินการในที่ดิน ทรัพย์สินของ รฟท. กรณีมีการเช่าช่วง การจ้างบุคคลที่ 3 อะไรที่บริษัทลูกทำได้ อะไรที่ต้องเสนอ รฟท. พิจารณา ซึ่งหลักในการจัดซื้อจัดจ้างจะต้องเป็นไปตามระเบียบ และ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ