กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA และ GSP ในช่วงครึ่งปี 64 มีมูลค่า 40,244.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 34.34% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 78.07% ของการได้รับสิทธิ์ทั้งหมด เผยอาเซียนนำโด่งใช้สิทธิ์ FTA ส่วนสหรัฐฯ นำใช้สิทธิ์ GSP
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) เดือนมิ.ย. 2564 มีมูลค่า 8,380.79 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.61% และยอดรวม 6 เดือนปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 40,244.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 34.34% มีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ 78.07% ของการได้รับสิทธิ์ทั้งหมด แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA มูลค่า 38,329.42 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 34.27% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 79.05% และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP มูลค่า 1,914.84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.63% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 62.61%
สำหรับรายละเอียดการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ในช่วง 6 เดือน ตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อาเซียน มูลค่า 13,439.89 ล้านเหรียญสหรัฐ 2. จีน มูลค่า 12,734.82 ล้านเหรียญสหรัฐ 3. ออสเตรเลีย มูลค่า 4,270.36 ล้านเหรียญสหรัฐ 4. ญี่ปุ่น มูลค่า 3,485.86 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5. อินเดีย มูลค่า 2,336.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกรอบ FTA ที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ไทย-เปรู 100% 2. อาเซียน-จีน 96.58% 3. ไทย-ชิลี 86.80% 4. ไทย-ญี่ปุ่น 80.04% และ 5. อาเซียน-เกาหลี 69.43%
โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง ประกอบไปด้วยสินค้าหลากหลาย ทั้งสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร เครื่องดื่ม และเกษตร เช่น เครื่องปรับอากาศ (อาเซียน) รถยนต์ขนส่งบุคคลที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 1,000-1,500 ลบ.ซม. (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะม่วง มังคุด (อาเซียน-จีน) ลวดทองแดงอื่น (อาเซียน-อินเดีย) ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง (อาเซียน-ญี่ปุ่น) ยางธรรมชาติ (อาเซียน-เกาหลี) ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโตชนิดซาร์ดา (กระป๋อง) (ไทย-ชิลี) เครื่องแต่งกายและของที่ใช้ประกอบกับเครื่องแต่งกาย (ไทย-เปรู) เป็นต้น
ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP ที่ไทยได้จากสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ พบว่าตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ สหรัฐฯ มูลค่า 1,705.80 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 44.59% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 65.15% รองลงมาคือ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 132.57 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 10.19% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 40.01% รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มูลค่า 68.62 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 10.35% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 71.73% และนอร์เวย์ มูลค่าการ 7.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.84% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 59.97% โดยสินค้าส่งออกที่มีการใช้สิทธิ์สูง เช่น ถุงมือยาง น้ำและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ อาหารปรุงแต่ง สับปะรดกระป๋อง ซอส เนื้อปลาแบบฟิลเลต์ สด แช่เย็น แช่แข็ง ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด