การตลาด - “ลาซาด้า” ปรับโฉมโซลูชันใหม่ช่วยแบรนด์บน LazMall เพิ่มยอดขายช่วงโควิด ส่ง “การโปรโมตสินค้าผ่านดิสเพลย์” ที่แรกของวงการอีคอมเมิร์ซ เปิดให้ใช้พื้นที่โฆษณาสุดไพรม์บนแพลตฟอร์ม ด้าน “ช้อปปี้ “ เดินหน้าเตรียมความพร้อม หนุนผู้ขาย ร้านค้าและแบรนด์ธุรกิจ อัดเครื่องมือเร่งสร้างนิวไฮครั้งใหม่ พร้อมขยายฐานนักชอป ผนึก ‘ShopeePay’ ต่อยอดความสำเร็จฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมมิ่ง ‘Shopee Live’ ร่วมจอยรายการใหม่ ‘Food Friday’ ขณะที่ “เจดีเซ็นทรัล” ปรับกลยุทธ์ใหม่ครั้งแรกนับตั้งแต่ลุยตลาดไทย
ครึ่งหลังปี 2564 วงการชอปปิ้งออนไลน์แพลตฟอร์มมาร์เกตเพลซส่อเค้าแข่งขันกันรุนแรงอีกคำรบ เมื่อสามค่ายใหญ่ต่างปรับกลยุทธ์ระลอกใหม่ ทั้ง “ลาซาด้า” “ช้อปปี้” และ “เจดีเซ็นทรัล” ทั้งการเปิดฟีเจอร์ใหม่ๆ งัดลูกเล่นต่างๆ อัดโปรโมชัน ขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งการสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภค
“ลาซาด้า” เปิดตัวโซลูชันใหม่
นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ โดยหันมาใช้ช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ลาซาด้าจึงไม่หยุดยั้งที่จะคิดโซลูชันใหม่ๆ ในการสนับสนุนแบรนด์ด้วยฟีเจอร์เครื่องมือโปรโมตสินค้า (Sponsored Solutions)
ล่าสุดเรายังได้พัฒนาฟีเจอร์ การโปรโมตสินค้าผ่านดิสเพลย์ (Sponsored Display) ที่แรกของวงการอีคอมเมิร์ซ ที่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ระดับเล็กหรือใหญ่บน LazMall ก็สามารถเข้าถึงพื้นที่โฆษณาหลักบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ด้วยจำนวน Eyeball จำนวนมหาศาลต่อวัน ทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มการมองเห็นได้มากถึงหลักล้านครั้ง ช่วยทำการตลาดได้อย่างแม่นยำตรงกลุ่มเป้าหมาย และยังสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพในงบประมาณที่กำหนดได้ ซึ่งในตอนนี้เราเปิดโอกาสให้เฉพาะแบรนด์บน LazMall ใช้ก่อน ในอนาคตเรามีเป้าหมายขยายกลุ่มผู้ใช้งานไปยังผู้ขายรายย่อยอีกด้วย
จุดเด่นของการโปรโมตสินค้าผ่านดิสเพลย์ (Sponsored Display) ฟีเจอร์โฉมใหม่จาก Lazada Sponsored Solutions ประกอบด้วย
1. การันตีจำนวนการมองเห็น (Impression) โดยแบรนด์จะถูกเรียกเก็บเงินก็ต่อเมื่อมียอดการมองเห็นเท่านั้น และยังสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อโปรโมตสินค้าได้อย่างตรงจุด โดยสามารถเลือกตามเพศ อายุ หรือหมวดหมู่สินค้าที่กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจ และแบรนด์ยังสามารถติดตามลูกค้าที่เคยเห็นโปรโมชันได้อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นของแบรนด์ อีกทั้งลาซาด้ายังเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้เป็นเจ้าแรกของวงการอีคอมเมิร์ซ
2. เพิ่มความสะดวกในการจัดการแคมเปญ โดยเหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการโปรโมตหลายแบรนด์ในแคมเปญเดียวกัน และยังสามารถจัดการแคมเปญในแต่ละร้านค้าได้ด้วยบัญชีเดียว
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการโปรโมต ยอดคลิก และยอดขายมากขึ้นด้วย Smart Creative โดยแบรนด์สามารถอัปโหลดแบนเนอร์มากถึง 5 แบบในเวลาเดียวกัน และระบบจะโปรโมตแบนเนอร์ที่มีโอกาสได้จำนวนคลิกมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือโปรโมตสินค้าอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มยอดเข้าชม ยอดคลิกและยอดขายของแบรนด์ ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความต้องการ เช่น Sponsored Discovery หรือการโปรโมตสินค้าผ่านพื้นที่ค้นหาสินค้า และ Sponsored Affiliate หรือการโปรโมตผ่านพาร์ตเนอร์ ช่วยให้แบรนด์สินค้าหรือผู้ขายสามารถโปรโมตสินค้าผ่านเครือข่ายต่างๆ ของพันธมิตรมากมายในลาซาด้า
“ช้อปปี้” วางกุญแจสำคัญ 3 ดอกรุกตลาด
นายศิวกร สิริวงศ์ภาณุพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันที่ทำให้ผู้คนต้องเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยการกักตัวอยู่บ้านเป็นเวลานาน พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนจึงต้องพึ่งพาช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายสินค้า การชำระเงิน และการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น รวมถึงร้านค้าและแบรนด์ธุรกิจจำนวนมากที่ต่างก็ต้องปรับทิศทางโมเดลธุรกิจและมุ่งหน้าเข้าสู่โลกอีคอมเมิร์ซ
จากปัจจัยเร่งดังกล่าวส่งผลให้ ‘ช้อปปี้’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีระบบนิเวศแบบบูรณาการ ครอบคลุมทั้งการชำระเงินดิจิทัล ShopeePay และเครือข่ายโลจิสติกส์อย่าง Shopee Express มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างสถิติจากที่เคยทำไว้ในปีก่อนหน้า (ปี 2563) ครองแท่นแพลตฟอร์มยอดนิยมในใจผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้งาน (Daily Active Users) และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างช้อปปี้ ผู้ขาย และผู้ใช้งาน (Users Engagement)
“ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เราไม่หยุดพัฒนาและพร้อมนำเสนอแผนธุรกิจใหม่ที่ดำเนินตามพันธกิจของช้อปปี้ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สร้างการเติบโตให้กับผู้ขายและแบรนด์ธุรกิจให้สามารถโลดแล่นในโลกดิจิทัลท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ในขณะเดียวกัน เราศึกษาทำความเข้าใจและมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของฝั่งผู้ใช้งานอย่างทันท่วงที เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์จากการใช้งานแพลตฟอร์มช้อปปี้แบบครบองค์รวม”
ทั้งนี้ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) วางกลยุทธ์ด้วย 3 กุญแจสำคัญในการเพิ่มพูนศักยภาพ เร่งสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งหลังปี 2564 นี้ ดังนี้
1. จุดประกายความสำเร็จ ทุ่มเทพลังสนับสนุนร้านค้าบนเส้นทางอีคอมเมิร์ซแบบเต็มกำลัง ด้วยเทรนด์การเติบโตของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่สูงขึ้น ช้อปปี้ได้รับความสนใจและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ร้านค้าในการขยายช่องทางธุรกิจสู่โลกออนไลน์ จะเห็นได้จากจำนวนการเข้ามาของร้านค้าใหม่ๆ ในช้อปปี้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเสริมความมั่นใจและสนับสนุนร้านค้าใหม่
ช้อปปี้ได้สร้างสรรค์โปรแกรมเพื่อช่วยแนะแนววิธีการและเทคนิคการเปิดร้านค้าตั้งแต่จุดเริ่มต้น โดยทุกโปรแกรมมีการควบคุมการเรียนการสอนโดยโค้ชผู้เชี่ยวชาญของช้อปปี้โดยตรง เช่น
1.1 Shop set up service - การบริการช่วยสร้างจุดเด่น เพิ่มความน่าสนใจให้แก่ร้านค้า สินค้า รวมถึงการครีเอตแคมเปญและคอนเทนต์ในการขายสำหรับร้านค้าใหม่ในช้อปปี้
1.2 Incubation - การบริการปั้นร้านค้าใหม่ ฝึกอบรมผู้ขายเพื่อความแม่นยำและเชี่ยวชาญในระบบของช้อปปี้แพลตฟอร์ม พร้อมแนะนำวิธีการสร้างยอดขายให้พุ่งทะยาน
1.3 Seller mission - โปรแกรมที่ช่วยให้ร้านค้าใหม่ได้ทดลองใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ส่งเสริมการขายต่างๆ ของช้อปปี้ เพื่อสะสมคะแนนและนำไปแลกรับรางวัลเพื่อได้รับสิทธิพิเศษในการขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Shopee Ads และ Shopee Vouchers เพื่อเข้าถึงผู้ใช้งานและสร้างความสนใจในการซื้อสินค้ามากขึ้น
2. สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยการส่งมอบ ‘One-Stop Suite of Solutions’ ที่เดียวครบจบทุกอย่าง ซึ่งเป็นโซลูชันการทำการตลาดและโฆษณาแบบครบองค์รวม ผสมผสานระหว่างกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และการขายเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มการรับรู้อย่างเป็นวงกว้างและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด
“ร้านค้าและผู้ขายสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพต่างๆ รวมถึงติดตามการประเมินผลลัพธ์ความสำเร็จได้อย่างง่ายดายจากฟีเจอร์ในแพลตฟอร์มช้อปปี้ เช่น LIVE, Feed, ADs และพันธมิตรการตลาดดิจิทัล (Affiliate Marketing Partners) อย่าง Facebook และ Google Shopping Ads โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้ใช้งาน อำนวยความสะดวกให้ขั้นตอนในการซื้อ-ขายง่ายดาย และรวดเร็ว”
3. แคมเปญดับเบิลเดตที่ดีและยิ่งใหญ่ ‘ขึ้น’ กลายเป็นบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนที่ก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตรูปแบบใหม่
3.1 เตรียมพบกับแคมเปญดับเบิลเดตที่ยิ่งใหญ่สะท้านวงการอีคอมเมิร์ซกว่าที่เคย ช้อปปี้เปิดตัวแคมเปญดับเบิลเดต 9.9 เป็นรายแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2559 จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนและตัวกระตุ้นพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น โดยความพิเศษของปี 2564 คือ ช้อปปี้สามารถสร้างการเติบโตของแคมเปญดับเบิลเดตที่ผ่านมาให้พุ่งสูงอย่างมีนัยสำคัญ และเตรียมกำลังความพร้อมมุ่งยกระดับแคมเปญดับเบิลเดต เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี
3.2 สร้างวาระแห่งการชอปกลางเดือนฉบับใหม่กับแคมเปญ ‘ทุกวันที่ 15 Mid Month Sale’ ท่ามกลางพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่ผันผวน ช้อปปี้มุ่งรองรับความต้องการการชอปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วยแคมเปญ ‘ทุกวันที่ 15 Mid Month Sale’ มีเป้าหมายเพื่อมอบความคุ้มค่าและลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของคนในสังคมด้วยสินค้าคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการขยายโอกาสให้แก่ผู้ขายและแบรนด์ธุรกิจในการเพิ่มยอดขาย ก้าวเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ
3.3 เมื่อไม่นานมานี้ช้อปปี้ได้เซอร์ไพรส์ชาวไทยด้วยการเปิดตัวแคมเปญพิเศษ ‘Shopee Low Price 9 บาท ถูกคุ้ม ทุกวัน’ พร้อมคว้าแคมเปญแอมบาสซาเดอร์คนใหม่ล่าสุด ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ นักแสดงตลกขวัญใจของทุกคน ที่จะมาส่งมอบที่สุดของความคุ้มค่า สร้างสีสัน และเรียกเสียงฮือฮาให้แก่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยให้ชาวไทยได้สนุกเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การชอปปิ้งออนไลน์ที่แตกต่างอย่างโดดเด่น
นอกจากนี้ ช้อปปี้ยังได้ขยายขอบเขตธุรกิจและฐานผู้ใช้งานด้วย ‘ช้อปปี้ พรีเมียม (Shopee Premium)’ แหล่งชอปออนไลน์ต่อยอดประสบการณ์เหนือระดับราวกับยกห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ครบครันด้วยแบรนด์ดังระดับพรีเมียมทั้งไทยและเทศมารวมไว้บนแพลตฟอร์ม ปลดล็อกศักยภาพตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ทลายกรอบมาตรฐานเดิมเพื่อยกระดับสู่สากล
“ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของทีมงานช้อปปี้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มของเรา และหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังสนับสนุนและประโยชน์ให้แก่ทุกภาคส่วนประสบความสำเร็จและสามารถฝ่าฟันทุกสถานการ์ณสุดท้าทายไปด้วยกัน เราต้องขอขอบคุณผู้ขาย ร้านค้า และแบรนด์พันธมิตรทุกคนที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโลกอีคอมเมิรซ์ซให้เติบโตยิ่งขึ้นในทุกๆ ปี และขอเชิญชวนเข้าร่วมแคมเปญพิเศษต่างๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เพื่อร่วมกันสร้างสถิติใหม่ในโลกอีคอมเมิร์ซอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” นายศิวกร กล่าว
ผนึก ช้อปปี้ เพย์ ขยายฐาน
นายศุภวิทย์ หงส์อมรสิน ผู้อำนวยการ ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากความสำเร็จของ Shopee Live ฟีเจอร์ไลฟ์ตรีมมิ่งที่ครองใจนักชอปทั่วไทยบนแอปพลิเคชัน Shopee ด้วยยอดวิวมากกว่า 400 ล้านวิวในครึ่งแรกของปี 2564 ‘ShopeePay’ (ช้อปปี้เพย์) ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินผ่าน Mobile Wallet ชั้นนำจาก SeaMoney ร่วมมือกับ ‘Shopee’ ยกระดับ Shopee Live ร่วมสร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งความบันเทิง ประเดิมด้วย ‘Food Friday’ รายการอาหารน้องใหม่
“ในฐานะที่ ShopeePay เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเติมเต็มอีโคซิสเต็มทางดิจิทัลของ Shopee ให้สมบูรณ์ เรามุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินกลยุทธ์ทางด้านการเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์มกับผู้ใช้งานให้ได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นผ่านเครื่องมืออันทรงพลังแห่งยุค อย่าง Shopee Live ที่ปัจจุบันกลายเป็นฟีเจอร์ไลฟ์ตรีมมิ่งยอดนิยม จากกระแสตอบรับล้นหลาม และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับเทรนด์ตลาดยุคใหม่ Live Ecommerce ที่กำลังมาแรง ShopeePay จึงร่วมมือกับ Shopee เปิดรายการ ‘Food Friday’ เพื่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ ผ่านคอนเทนต์ลายแทงร้านอาหารเจ้าเด็ด และแนะนำเมนูดังที่รวบรวมมาไว้ในที่เดียว ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักชอปสายกินโดยเฉพาะ”
ผู้สนใจติดตามได้ทาง Shopee Live บนแอปพลิเคชัน Shopee ทุกวันศุกร์ สุขเรื่องกินไปกับ ‘Food Friday’ บน Shopee Live รับรองความอร่อย โดยเหล่าดาราและเซเลบจาก Shopee Celebrity Club ประเดิมรายการไปแล้วกับ อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน จากเพจ Mama’s Recipe, นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ จากเพจ Happy Munchy และ แอปเปิ้ล-สีสะเหงียน สีหาราช จากเพจ Team No Cal และอื่นๆ อีกมากมาย
“นอกจากนี้ ShopeePay เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้บริโภคทั่วประเทศไทยจากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน เราจะมีส่วนช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพภายในครัวเรือน กับการมอบดีลร้านอาหารในราคาที่เอื้อมถึง และส่วนลดพิเศษต่างๆ พร้อมสนับสนุนเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจร้านอาหารในการเพิ่มโอกาสทางการขายและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นผ่านรายการ ‘Food Friday’ และพันธมิตรธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีการชำระเงิน Mobile Wallet ของ ShopeePay” นายศุภวิทย์กล่าว
ทั้งนี้ ShopeePay มอบสิทธิพิเศษและคูปองส่วนลดมาแจกในรายการ ‘Food Friday’ ไม่ว่าจะเป็น ShopeePay Vouchers เริ่มต้น 0 บาท โดยลูกค้าสามารถซื้อ ShopeePay Vouchers แล้วนำมาสแกนจ่ายแบบไร้สัมผัส ณ หน้าร้านที่ร่วมรายการ เช่น KFC, McDonald's, Dairy Queen, Mister Donut, Auntie Anne's และ Sushi Hiro, โค้ดส่วนลดสูงสุด 50% และสิทธิพิเศษอื่นๆ
“เจดีเซ็นทรัล” ปรับกลยุทธ์
นายก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานบริหารฝ่ายการตลาด JD CENTRAL กล่าวว่า แม้ว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดรวมอีคอมเมิร์ซในไทยจะเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี แต่ตลาดยังไม่ใหญ่มาก ยังคงมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดรีเทลทั้งหมดหรือสัดส่วนเพียง 8% เท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นในเอเชียมีขนาดใหญ่กว่ามาก เช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ที่มีสัดส่วนจากอีคอมเมิร์ซ 40% จากตลาดค้าปลีกรวม จึงทำให้ตลาดรวมอีคอมเมิร์ซไทยยังมีโอกาสได้อีกมาก โดยจากการสำรวจพบว่าปัญหาที่ผู้บริโภคยังคงกังวลเมื่อต้องซื้อสินค้าออนไลน์ คือ 1) สินค้าไม่ตรงปก 79%, 2) สินค้าเสียหาย 56% และ 3) ขนส่งล่าช้า 38%
ขณะที่การแข่งขันของธุรกิจรีเทลและอีคอมเมิร์ซในยุคนี้ เน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือ1) ด้านความครบครันของสินค้า 2) ด้านการสร้างความบันเทิงต่างๆ และ 3) ด้านราคา ส่วนประเด็นเรื่องการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ยังไม่ค่อยมีใครโฟกัสมากนัก
ดังนั้น ทำให้ทางเจดีเซ็นทรัลจึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดให้บริการในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2561 โดย JD CENTRAL ชูกลยุทธ์ "จอยชัวร์ ตัวจริง" ด้วยการดึงนักชอปที่ยังคงชอปที่หน้าร้านค้าเป็นหลัก หรือที่เราเรียกว่า กลุ่มออฟไลน์ (ชอปหน้าร้านเท่านั้น) และนักชอปกลุ่มไฮบริด (ชอปออนไลน์บ้างแต่ไม่บ่อย และชอปเฉพาะเว็บไซต์ทางการของแบรนด์) ให้มาซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น โดยในการจะเข้าเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักชอปนั้นเป็นหน้าที่ของแพลตฟอร์มที่จะต้องศึกษาพฤติกรรมของนักชอปทั้งออฟไลน์ ไฮบริด และออนไลน์ให้รอบด้าน อีกทั้งจะขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย โดยมีลูกค้ากลุ่มหลักอายุเฉลี่ย 18-45 ปี และมีจำนวนร้านค้าเพิ่ม 130% ในไตรมาสแรกปีนี้
JD CENTRAL ปรับ brand identity 3 จุดหลัก ดังนี้ 1) ปรับ Brand’s tagline เป็น “จอยชัวร์ ตัวจริง” , 2) ปรับโลโก้ของ JD CENTRAL ให้ดูร่วมสมัยขึ้น และ 3) โปรโมต “JOY” ในฐานะแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ JD CENTRAL เพื่อสร้างการจดจำเกี่ยวกับแบรนด์ และสร้าง brand recall ให้ชัดเจนมากขึ้น