“จุรินทร์” ถกรัฐมนตรีการค้าออสซี่ยกระดับความร่วมมือสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เล็งเพิ่มความร่วมมือใน 7 สาขาสำคัญ ตั้งเป้าลงนามปีหน้า เผยไทยจะให้สัตยาบัน RCEP ต.ค. หรือ พ.ย. ปีนี้ ดันเลิกอุดหนุนประมงใน WTO พร้อมรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพเอเปก เผยขอให้ออสเตรเลียเพิ่มนำเข้าเกษตร อุปกรณ์การแพทย์ อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และช่วยสนับสนุนวัคซีนให้ไทย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายแดน เทฮัน รัฐมนตรีการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนของออสเตรเลีย ผ่านระบบ Zoom Confirm ว่า ออสเตรเลียมีความสนใจจัดทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจกับประเทศไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ในรูปแบบทวิภาคี หรือ FTA และมีการลดภาษีระหว่างกันเกือบครบทุกรายการ โดยการจัดทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ออสเตรเลียจะเป็นอีกรูปแบบความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนที่ลงลึกกว่า FTA ซึ่งขณะนี้มีการเตรียมการจัดทำข้อตกลงใน 7 สาขา ได้แก่ 1. การเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะด้านอาหาร 2. ด้านการท่องเที่ยว 3. ด้านบริการสุขภาพ 4. ด้านการศึกษา 5. ด้านอีคอมเมิร์ซ 6. ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ 7. อื่นๆ เช่น พลังงาน หรือการลงทุนร่วมกัน เป็นต้น และออสเตรเลียแจ้งว่าจะเร่งให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเชิญตนไปลงนามการทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ออสเตรเลีย คาดว่าจะเป็นในปีหน้า
ทั้งนี้ ออสเตรเลียยังได้เร่งรัดการให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ปัจจุบันมีประเทศให้สัตยาบันแล้ว 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น โดยไทยแจ้งว่าจะให้สัตยาบันได้ในเดือน ต.ค.หรือไม่เกิน พ.ย. 2564 ส่วนประเด็นการอุดหนุนประมงในองค์การการค้าโลก (WTO) ไทยมีจุดยืนห้ามการอุดหนุน และการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมตามข้อตกลงของ IUU Fishing
ส่วนการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพต่อจากนิวซีแลนด์ ได้เตรียมไว้ 3 ประเด็น คือ การหาข้อสรุปการอำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน 2. การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 3. การส่งเสริม BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ ไทยได้เสนอให้ออสเตรเลียนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ 1. สินค้าด้านการเกษตร โดยเฉพาะยางรถยนต์ ซึ่งออสเตรเลียเลิกผลิตแล้ว 2. อุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะถุงมือยาง เพราะไทยถือเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่รายหนึ่งของโลก 3. อาหารแปรรูป เพราะไทยเป็นประเทศผลิตอาหารแปรรูปที่มีคุณภาพและมีศักยภาพติด 1 ใน 10 ของโลก และ 4. อาหารสัตว์เลี้ยง เพราะอัตราขยายตัวสูงมากและออสเตรเลียจัดเป็นตลาดสำคัญต่อไปในอนาคตได้ รวมทั้งขอให้ออสเตรเลียช่วยสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 ให้ไทย เพราะออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่