xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ พบ รอง ปธน.และ รมต.กต.สวิส เน้นย้ำความร่วมมือสาธารณสุข การค้าการลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ประยุทธ์” เปิดทำเนียบหารือรองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาพันธรัฐสวิส เน้นย้ำความร่วมมือด้านสาธารณสุข และการค้า การลงทุน

วันนี้ (2 ส.ค.) เวลา 15.00 น. นายอิกนาซิโอ กัสซิส (H.E. Mr. Ignazio Cassis) รองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาพันธรัฐสวิส เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชีย และเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 90 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สมาพันธรัฐสวิส โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาพันธรัฐสวิส สู่ประเทศไทย ระหว่างการเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐบาลไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่จะได้หารือในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจ และกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน พร้อมหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะรักษาพลวัตของความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายทั้งด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ ให้ใกล้ชิดต่อไป โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณสมาพันธรัฐสวิส ที่เป็นมิตรประเทศที่ดีต่อไทยมาตลอด โดยเฉพาะการบริจาคเครื่องช่วยหายใจ และชุดตรวจหาเชื้อโควิดแบบทราบผลเร็วให้ประเทศไทยระหว่างการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ด้วย

รองประธานาธิบดี ยินดีที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ โดยไทยและสมาพันธรัฐสวิส มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด การเยือนไทยเป็นประเทศแรกการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า สมาพันธรัฐสวิสให้ความสำคัญกับไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อทบทวนความร่วมมือที่ผ่านมา และแสวงหาความร่วมมือใหม่ๆ ในอนาคต โอกาสนี้ รองประธานาธิบดี ยินดีที่การเยือนไทยครั้งนี้ ได้มีโอกาสหารือกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายสนใจร่วมกัน

สำหรับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่ไทยและสมาพันธรัฐสวิส เป็นคู่ค้าที่สำคัญของกันและกัน โดยสวิสเป็นคู่ค้าอันดับสองของไทยในยุโรป และไทยเป็นคู่ค้าอันดับสองของสมาพันธรัฐสวิสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ กลุ่มสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association - EFTA) ยังเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศของไทย โดยการค้ารวม ไทย - EFTA ในปี 2563 มีมูลค่า 10,445.34 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการค้าประมาณร้อยละ 2.4 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย ไทยจึงให้ความสำคัญในการฟื้นการเจรจาจัดทำความตกลง FTA ไทย - EFTA ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขยายโอกาสด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเชิญชวนสมาพันธรัฐสวิสเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติมในสาขาการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ สุขภาพและเทคโนโลยีการแพทย์ เครื่องมืออัจฉริยะและหุ่นยนต์ เทคโนโลยีดิจิทัล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งรองประธานาธิบดี ยินดีสนับสนุนเอกชนสวิสเพื่อพิจารณา และหวังว่า ไทยจะสร้างบรรยากาศและสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและเอื้อต่อการลงทุน

ไทยและสมาพันธรัฐสวิสยังเห็นพ้องให้ฟื้นฟูการเดินทางท่องเที่ยวระดับประชาชน โดยก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่างชื่นชมจำนวนการเดินทางระหว่างกัน และยินดีสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศมากขึ้น หากสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากสมาพันธรัฐสวิส ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วให้เดินทางมาท่องเที่ยวในโครงการ Phuket sandbox ได้โดยไม่ต้องกักกันตัว ซึ่งต่อไปจะขยายมาตรการดังกล่าวไปสู่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ หวังว่า ประเทศไทยจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสมาพันธรัฐสวิสเพิ่มมากขึ้น

ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยต่างขอบคุณรัฐบาลของทั้งสองประเทศที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมการบริการจัดการวัคซีนของสมาพันธรัฐสวิส โดยไทยประสงค์แสวงหาความร่วมมือกับสมาพันธรัฐสวิสในด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตวัคซีน mRNA และการลงทุนตั้งโรงงานผลิตวัคซีนใน EEC ซึ่ง EEC พร้อมจะให้การสนับสนุนแก่บริษัทที่จะเข้ามาผลิตวัคซีนในไทย ด้านรองประธานาธิบดี พร้อมขยายความร่วมมือมากขึ้นในเรื่องสาธารณสุข และยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการผลิตวัคซีน

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานร่วมกับรองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาพันธรัฐสวิส ในพิธีรับมอบอุปกรณ์เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุดตรวจ Antigen Test Kit จำนวน 1.1 ล้านชุด และ Ventilator (เครื่องช่วยหายใจ) จำนวน 102 เครื่อง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในไมตรีจิตของรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิส สำหรับการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และจะสนับสนุนไทยให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น










กำลังโหลดความคิดเห็น