อคส.เดินหน้าสะสางคดีทุจริตค้างเก่า ทั้งโครงการจำนำข้าวเปลือกปี 54-57 จำนำมันสำปะหลังปี 51-57 เผยฟ้องทุจริตจำนำข้าวแล้ว 1,143 คดี เรียกชดใช้ความเสียหายเกือบ 5 แสนล้านบาท ส่วนมันฟ้องแล้ว 161 คดี เรียกค่าเสียหาย 1.8 หมื่นล้านบาท ชนะแล้ว 14 คดี ศาลสั่งให้ชดใช้ 4 พันล้านบาท ยันจะลุยรื้อทุจริตที่ซุกใต้พรมให้หมด
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสะสางคดีค้างเก่าของ อคส. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ว่า อคส.ได้ดำเนินการส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรัง ตั้งแต่ปีการผลิต 2554-57 กับเจ้าของคลังเก็บข้าวที่ อคส. เช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในสต๊อกของรัฐบาล, โรงสี, เจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้อง รวม 1,143 คดี อยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 1,136 คดี ศาลปกครองสูงสุด 4 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 494,198 ล้านบาท และ อคส.ถูกฟ้อง 155 คดี ทุนทรัพย์ 4,782 ล้านบาท โดยมั่นใจว่ามีโอกาสสูงที่ อคส.จะชนะคดี แต่จะได้รับเงินชดเชยความเสียหายครบถ้วนหรือไม่ต้องรอดูต่อไปเพราะเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก
ทั้งนี้ อคส.ยังได้ตั้งคณะทำงานเพื่อให้ติดตามคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ส่งอัยการฟ้องร้องไปแล้วนั้น ครบถ้วนหรือไม่ หากยังมีคดีตกค้างจะเร่งรัดส่งฟ้องโดยเร็ว
สำหรับคดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 2551/52, ปี 2554/55 และปี 2556/57 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรณีมันเสื่อมสภาพ หรือสูญหาย อีกรวมกว่า 200 คดี ได้ฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 161 คดี มีมูลค่าความเสียหาย 18,723 ล้านบาท โดยคดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. จำนวน 4,883 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้ชดใช้ความเสียหาย
นอกจากนี้ อคส.จะเดินหน้ารื้อเรื่องทุจริตเก่าๆ ที่ผู้บริหาร อคส.ในช่วงที่ผ่านมาได้สั่งให้ยุติเรื่อง และไม่ส่งอัยการฟ้องร้องผู้กระทำผิด ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก บางกรณีทำให้ อคส.เสียหายถึง 4,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม
นายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า ล่าสุดยังมีเหลือข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่อยู่ในความดูแลของ อคส.อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่ง อคส. ได้ทยอยเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนผู้ชนะประมูลรับมอบข้าว (เอาข้าวออกจากโกดังเก็บ) ไม่ได้เพราะเจ้าของโกดังยึดหน่วง ไม่ยอมให้เอาข้าวออก อคส.จึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดีเจ้าของโกดังรายดังกล่าวไปแล้ว และล่าสุดเหลือข้าวสารในสต๊อกที่จะต้องขายให้หมด 11,000-12,000 ตันเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิ โดยตั้งเป้าหมายเปิดระบายให้หมดภายในปีนี้
ส่วนความคืบหน้าการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทยอยเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหา และแก้ข้อกล่าวหาแล้ว คาดว่าจะสรุปสำนวนและส่งอัยการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาได้ในเร็วๆ นี้ และจากนั้นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดเพื่อเอาเงินมาชดใช้ให้ อคส. ขณะเดียวกัน คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดกำลังสืบสวนข้อเท็จจริง และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ อคส.เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ให้ อคส. ส่วนโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณา