ระดับมันสมองฝ่ายค้าน! “ภูมิธรรม” ซัด นายกฯสละเงินเดือนไม่ช่วยคนตายฟื้น เจอย้อนจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” ชาวนาตายก็ไม่ฟื้น? “โจ-ฮาร์ท” เชือดเฉือน คนหนึ่งนั่งเรือรั่ว อีกคน “ลอยคอ” กลางทะเล “เกษียร” ร่ายกลอน “เปลี่ยนกัปตัน”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า
“จากที่วันนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศสละเงินเดือน 3 เดือน ว่า
เงินเดือน 3 เดือนของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประชาชนที่ตายไปฟื้นกลับมา และไม่ได้ช่วยประคับประคองให้ประชาชนลดทอนความยากลำบากกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ตรงกันข้าม อาจจะมีคนร้องไห้ เพราะต้องทนอยู่กับนายกฯ ต่อไปอีก 3 เดือน การดำเนินการของ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องเงินเดือน คือ การสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ไม่เคยแตะปัญหาให้ตรงประเด็น ข้อเสนอมากมายที่สำคัญกว่าบรรลุการแก้ปัญหาได้มากกว่า
“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยสนใจ พยายามจะขายผ้าเอาหน้ารอด สละเงินเดือน 3 เดือน ไม่ช่วยอะไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ รับเงินเดือนหลายทางมานานแล้ว ในสมัยก่อนพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่กินเงินเดือนหลายทางเขารับทางเดียว แต่นี่เงินเกษียณก็รับ เงินนายกฯ เงิน คสช.ก็รับมาตลอด แล้วจะมาลดเงินเดือนตรงนี้ ไม่แก้ปัญหาต่างๆ จะแก้ปัญหาอะไรได้” นายภูมิธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเด็นที่นายภูมิธรรม พูดเผยแพร่ออกไป ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ถึงความคิดที่ว่า นายกฯยอมเสียสละเงินเดือนก็ไม่ได้ทำให้คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ฟื้นคืนมาได้ นั่นเองที่ทำให้สังคมตั้งคำถามเปรียบเทียบกับกรณีของโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำให้ชาวนาจำนวนหนึ่งต้องผูกคอตาย
โดยทีมข่าวเดอะทรูธ ตรวจสอบย้อนไปวันที่ 15 ก.พ. 57 ก็พบเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวไว้ด้วย (https://www.posttoday.com/social/local/278135)
พบมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้าน ซ.สามัคคีธรรม หมู่ 4 ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายอนันต์ สายประยงค์ ชาว อ.เมือง จ.ปทุมธานี สภาพศพใช้สายเข็มขัดนิรภัยผูกคออยู่กับขื่อบ้านภายในห้อง สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีเทา เสียชีวิตมาแล้ว 2-4 ชั่วโมง
จากการสอบถาม นางฉันทนา สายประยงค์ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตาย บอกว่า สามีมีอาชีพทำนาและเป็นหัวหน้ากลุ่มชาวนาที่ไปเอาเมล็ดข้าว ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง จากนายทุนนำมาให้ชาวนาในกลุ่มลงทุนทำนากันไปก่อน หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเข้าโครงการรับจำนำข้าวให้กับโรงสี แล้วยังไม่ได้รับเงินมาเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว ประกอบกับนายทุนได้ทวงถามเงินที่ติดค้างค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลงและเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นจำนวนกว่า 600,000 บาท
นอกจากนี้ สามีได้ไปตามเก็บเงินกับชาวนาที่อยู่ในกลุ่ม แต่ไม่ได้เงินเลยสักราย เพราะได้รับแต่ใบประทวน ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเช่นกัน จึงทำให้สามีเกิดความเครียดคิดมากบ่นให้ตนฟังมาหลายครั้งแล้ว และโดยเฉพาะที่ปลูกบ้านกว่า 1 ไร่ สามีได้นำไปจำนองกับธนาคาร ธ.ก.ส. ไว้ เงินก็ใช้หนี้ไม่พอ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สามีผูกคอเสียชีวิตดังกล่าว
โดยก่อนหน้ามีชาวนาผูกคอเสียชีวิตจากโครงการรับจำนำข้าวแล้ว 6 ราย คือ จ.เชียงราย 1 ราย กำแพงเพชร 1 ราย อ่างทอง 1 ราย บุรีรัมย์ 1 ราย ศรีสะเกษ 2 ราย ราชบุรี 1 ราย พิจิตร 1 ราย และ ร้อยเอ็ด 1
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของสองขั้วขัดแย้งวันนี้ โจ จิรายุส วรรธนะสิน ได้แชร์ภาพลงในอินสตาแกรม ระบุว่า
“เราอยู่ในเรือลำหนึ่ง เป็นเรือที่มีรูรั่วหลายแห่ง บางคนตะโกนด่าโวยวาย บางคนกรีดร้องไห้ไม่หยุด บางคนยื่นเท้าลงราน้ำ ปากด่าทอนายท้ายตลอดเวลา บางคนป้องปาก กระซิบเล่าข่าวปลอมสู่กัน บางคนแอบเจาะรูเพิ่ม บางคนก้มหน้าวิดน้ำเงียบๆ บางคนพยายามอุดรูรั่ว บ้างปลอบโยนให้กำลังใจคนอื่น อย่าลืมว่า เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน” พร้อมกล่าวว่า “จริง”
ฝ่าย “ฮาร์ท” สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หลัง โจ จิรายุส หรือ โจ นูโว โพสต์ดังกล่าว ก็ได้โพสต์ข้อความโต้กลับ โจ นูโว ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า
“เรียนน้องโจที่เคารพ เรื่องเรือรั่วนี่ พี่ถือว่า เป็นเรื่องของพวกน้องแล้วกันนะครับ เพราะพวกพี่ ลอยคอในทะเลมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่พวกน้องๆ ช่วยกันเปลี่ยนตัวกัปตันเรือ…อิๆๆ เรากระเซ้าเล่นนะเพื่อน ว่างๆ มาเล่นดนตรีกัน”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์บทกลอน “เปลี่ยนกัปตันเรือ” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Kasian Tejapira” ระบุว่า
“มีรัฐบาลไว้เหมือนไม่มี
แทนที่แก้ปัญหามายืนขวาง
ถ่วงหน่วงเหนี่ยวรั้งทั้งผิดทาง
ไม่มียางอายหรอกลาออกเอง
เรือลำนี้จะต้องเปลี่ยนกัปตัน
หัวเรือหันทิศทางอย่างรีบเร่ง
ลำนี้เราเจ้าของไม่ต้องเกรง
แก๊งเส็งเคร็งกัปตันพอกันที”
แน่นอน, นี่อาจถือว่า เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ของคนไทยบางส่วน และอาจเป็นตัวแทนความรู้สึกของคนอีกจำนวนหนึ่งที่มีต่อการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลได้เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทั้งหมด ที่คนไทยคิดเช่นนั้น เพราะอาจมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อย ที่คิดเห็นอย่าง โจ จิรายุส หรือ โจ นูโว ว่า ก่อนที่จะโยนบาปให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลทั้งหมดทุกปัญหา มันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เป็นอย่างที่ “โจ” สะท้อนออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่ “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” ปากก็ด่าทอนายท้ายตลอดเวลา และกลุ่มคนที่แอบเจาะรูเรือเพิ่ม ที่ถือว่า เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับสังคมไทย ทำให้สังคมไทยแตกแยก ทำให้สังคมไทยปั่นป่วน ทำให้สังคมไทย “เสี่ยง” โรคระบาดอยู่ตลอดเวลา และพร้อมที่จะเป็นภาระให้สังคม และคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เพียงเพราะอ้างว่า เรียกร้อง “ประชาธิปไตย” ก็ออกใบอนุญาตเอง เพื่อทำตามอำเภอใจ โดยไม่สนขื่อแปของบ้านเมือง หรือคนไทย คนอื่น
นี่ต่างหากคือ อันตรายสำหรับสังคมไทย ไม่ว่ารัฐบาลไหน นายกฯเปลี่ยนใหม่กี่คน ก็ต้องมีข้ออ้างให้ขับไล่หมด ตราบใดที่ไม่ใช่พวกตัวเอง หรือ คนที่ตัวเองรับใช้ ยอมตนเป็นสาวก
คนพวกนี้มีจำนวนไม่มาก แต่อาศัยใจกล้า หน้าหนา และชอบแสดงออก มีจริต ที่ใครก็ไม่อยากปะทะให้เปลืองตัว จึงได้ใจว่า ตัวเอง ทำถูก เก่งกล้าสามารถ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดผ่านสื่ออยู่แล้ว
เหนืออื่นใด ประเทศไทยทุกวันนี้วิกฤตหนักหลายด้าน แต่ด้านที่ทำให้สังคมไทยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และอาจเป็นวิกฤตหนึ่งแทรกซ้อนขึ้นมา ก็คือ ความแตกแยกที่เกินเยียวยาของผู้คนในสังคมนี่เอง เชื่อหรือไม่ก็ลองตรองดู!