“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2564 ตอน ป.ป.ช.เร่งปิดแฟ้มคดีโกง ก่อนเลยเส้นตายเดือนนี้
การทำงานของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เป็นเรื่องที่สังคมต้องตามติด เพราะเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น เป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่กับในยุคโควิด ก็ยังมีการคอรัปชั่น เล่นตุกติก ให้เห็น
เช่นกรณี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ลำพูน กับพวก15 ราย ถูกป.ป.ช.ชี้มูล ฐานปฏิบัติโดยมิชอบ ในการจัดซื้อชุดของใช้ประจำวัน หรือCare Set ให้กับผู้สูงอายุ ในราคาสูงเกินจริง เป็นต้น
การทำงานของป.ป.ช.ในการสกัดโกงและเอาผิดพวกทุจริตคอรัปชั่น หากละสายตาเมื่อไหร่ ก็เสร็จพวกโกงกินเมื่อนั้น
ที่น่าสนใจก็คือ การทำงานของป.ป.ช.ในช่วงนี้ โดยเฉพาะเดือนกรกฏาคม นี้ น่าจับตายิ่ง เพราะจะมีคดีสำคัญๆ รอเข้าคิว ส่งผลสรุปเข้าที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการป.ป.ช.ให้มีมติอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา
โดยที่นำร่องไปก่อนแล้วเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คือ คดีที่ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด เสี่ยโต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรมว.คลัง และอดีตรมว.พาณิชย์ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ปปช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เรื่องกล่าวหา กิตติรัตน์ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กับพวก กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้าคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG องค์การสำรองอาหาร ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ดูแล้ว กิตติรัตน์ งานนี้หนักหนาแน่ กับการต้อง เตรียมตัวไปสู้คดีในชั้นศาล หลังป.ป.ช.ฟันข้อหาทำผิดมาตรา 157ประมวลกฎหมายอาญา และพรบ.ป.ป.ช.
และตามคิวจากที่ปรากฏออกมา ภายในเดือนนี้ คือไม่เกิน 22 กรกฎาคม หากไม่มีอะไรผิดพลาด มีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไป หลายคดีที่ค้างคากันมานาน ก็จะได้ข้อสรุปกันในเดือนนี้
ไม่ว่าจะเป็น คดีทุจริตในการซื้อขายเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน Boeing B777-200ER ของบริษัท การบินไทย ที่รู้จักกันในชื่อ คดีสินบนโรลส์รอยซ์ ที่เคยเป็นข่าวคึกโครม ซึ่งคดีดังกล่าว ตามแฟ้มของป.ป.ช. มีผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 25 ราย
โดยข่าวว่าคดีนี้อยู่ระหว่างที่อนุกรรมการไต่สวน กำลังสรุปสำนวน เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช.ภายในเดือนนี้ ที่ต้องจับตากันว่า ป.ป.ช.จะมีหลักฐานสาวไปถึงใครที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่
นอกจากนี้ก็ยังมี คดีจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด GT200 และอัลฟ่า 6 ที่ตามแฟ้ม ป.ป.ช. แยกสำนวนออกเป็น 33 คดี เสร็จไปแล้ว 7 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการ 26 คดี แต่มีข่าวว่า 26 คดีที่เหลือ ป.ป.ช. ต้องการจะสรุปผล ให้เสร็จเพื่อชงเข้าที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช. ภายใน 22 ก.ค. นี้เช่นกัน
การจัดซื้อ GT200 หรือที่เรียกกัน ไม้ล้างป่าช้า เกิดขึ้นในยุคอดีตบิ๊กทหารคนดัง แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า การตรวจสอบของป.ป.ช. ไปถึงแค่ระดับ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เท่านั้น ไม่มีระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ หรือแม่ทัพภาค อยู่ในข่ายก็ตาม
ในเดือนนี้อีกเช่นกัน ป.ป.ช. ก็ตั้งใจปิดอีกบางคดีเช่น คดีทุจริตในการออกโฉนดที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขารวก-ป่าเขาเมือง และในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสำนวนคดีดังกล่าวมี ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหลายคน
รวมถึง คดีทุจริตในการออกโฉนดที่ดิน ต.เขากะรน อ.เมือง ที่ ภูเก็ต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด ที่จำนวนมากเช่นกัน โดยทั้งสองเรื่องที่เกิดเหตุที่ภูเก็ต ข่าวว่า จะมีการสรุปเรื่องส่งให้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนวันที่ 22 ก.ค. 2564เช่นกัน
เหตุที่ ทำไม สำนวนบางคดี ของ ป.ป.ช. ต้องปิดสำนวนให้เสร็จก่อน 22 ก.ค. คำตอบก็เป็นเพราะ หลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และมีการออก พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยพรบ.ดังกล่าว ประกาศใช้เมื่อ 21 ก.ค. 2561
ในกฎหมายป.ป.ช.ดังกล่าว บัญญัติไว้ว่า ให้หลัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการไต่สวนคดีแล้ว ต้องไต่สวนและมีความเห็นภายใน ไม่เกินสองปี นับแต่วันเริ่มไต่สวน แต่ในกรณีที่มีเหตุจําเป็น สามารถขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกินสามปี
ด้วยเหตุนี้เมื่อกฎหมายประกาศใช้ 21 ก.ค. 2561 ทำให้จะครบสามปี คือไม่เกิน 22 ก.ค.2564 นี้ เลยเป็นตัวเร่งที่ทำให้คดีที่ยกมาข้างต้น ที่มีมติรับคำร้องและตั้งกรรมการไต่สวน ต้องสรุปผลภายในไม่เกิน 22 ก.ค.
ผลชี้ขาด คดีทำสัญญาซื้อขายข้าวกับอินโดนีเซีย ที่ กิตติรัตน์ โดนป.ป.ช.เอาผิดไป จึงออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อไม่ให้เกินกรอบเวลาตามกฎหมายรวมถึงคดีต่างๆ ที่ก็จะรู้หมู่รู้จ่า ภายในไม่เกินเดือนนี้นั่นเอง
ส่วนคดีมหากาพย์อย่าง คดีทุจริตสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือคดีจำนำข้าว จีทูเจี๊ยะ ภาค 2ที่มีนักการเมืองดัง "เจ๊ ด."โดนสอบด้วย รวมถึง.คดีทุจริตซื้อขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี ไม่ได้อยู่ในรอบนี้ แต่จะรู้ผลช่วงต้นปีหน้า เว้นแต่ ป.ป.ช. ปิดสำนวนได้เร็ว ก็อาจจบภายในปีนี้