xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.2564

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.“ทักษิณ” เย้ย รบ.รับบริจาควัคซีนจากญี่ปุ่น บอกมอบอำนาจมา จะหาให้ ว่างงานอยู่ ด้าน “บิ๊กตู่” บินเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”!

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังพุ่งสูงขึ้นทุกวัน รวมทั้งตัวเลขผู้เสียชีวิต โดยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,995 ราย มีผู้เสียชีวิต 42 ราย, วันที่ 28 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,406 ราย มีผู้เสียชีวิต 22 ราย, วันที่ 29 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,662 ราย มีผู้เสียชีวิต 36 ราย, วันที่ 30 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,786 ราย มีผู้เสียชีวิต 53 ราย, วันที่ 1 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,533 ราย มีผู้เสียชีวิต 57 ราย, วันที่ 2 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,087 ราย มีผู้เสียชีวิต 61 ราย และล่าสุด วันที่ 3 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,230 ราย มีผู้เสียชีวิต 41 ราย

ทั้งนี้ ศบค. รายงานว่า แนวโน้มการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ จะแพร่ระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะ กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ สถานที่เสี่ยง คือ โรงงาน โรงเรียน แคมป์ก่อสร้าง ชุมชนของแรงงาน สถานที่ทำงาน ตลาด และบ้าน ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ ได้แก่ สัมผัสผู้ป่วยจากที่บ้าน สถานประกอบการ สถานที่ทำงาน

ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก (3 ก.ค.) ว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้าหรืออินเดีย ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์แอลฟ่าหรืออังกฤษ 1.4 เท่า และว่า "ขณะนี้ที่กรุงเทพฯ จากการศึกษาวิจัยของศูนย์ฯ กว่า 700 ตัวอย่าง ในเดือนที่ผ่านมา พบว่าอัตราส่วนในการพบสายพันธุ์เดลต้า สูงขึ้นเร็วมาก จนขณะนี้ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยเป็นสายพันธุ์เดลต้า" ศ.นพ.ยง ระบุด้วยว่า สายพันธุ์เดลต้าติดต่อได้ง่ายมาก ดังนั้นในบางครั้งจะไม่รู้เลยว่ารับเชื้อมาจากที่ใด และการระบาดจะเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างมาก

ขณะที่ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล วิเคราะห์สถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดในไทยว่า การแพร่ของสายพันธุ์เดลต้าในเขต กทม.และปริมณฑล เกิดขึ้นเร็วกว่าคาด ถ้าอิงบทเรียนของอังกฤษและสหรัฐฯ สัดส่วนของเดลต้าน่าจะเพิ่มเป็น 60-70% ภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า อย่าแปลกใจว่าเราอาจเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอีกและจำนวนผู้ป่วยหนัก หนักมาก และผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้

ส่วนปัญหาเตียงเต็ม ไม่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยหนัก ล่าสุด เริ่มมีแนวคิดให้ผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยกักตัวรักษาที่บ้าน (Home isolation) โดยจะมีโรงพยาบาลรับผิดชอบดูแลคอยส่งยา และอาหาร โดย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เผยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ว่า ขณะนี้มีการนำร่องที่โรงพยาบาลราชวิถี และวันเดียวกันนี้ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมพร้อมขยายระบบดังกล่าวไปทั่วประเทศ และว่า ระบบโฮมไอโซเลชั่น ของไทยจะต่างกับของต่างประเทศ ต่างประเทศให้คนไข้ดูแลตัวเองทุกอย่าง แต่ของไทยจะยังอยู่ในการดูแลของ รพ. มีการให้อุปกรณ์วัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนที่บ้าน มีแพทย์โทรศัพท์หรือวิดีโอคอลตรวจสอบอาการทุกวัน มีการส่งอาหารและน้ำให้วันละ 3 มื้อ หากอาการทรุดลง จะส่งยาฟ้าทะลายโจร และยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้าน หรือส่งรถไปรับเข้ารักษาต่อใน รพ. โดยรัฐสนับสนุนค่าอุปกรณ์ไม่เกิน 1,100 บาท และค่าดูแลผู้ปวยรวมอาหาร 3 มื้อ ไม่เกิน 1,000 บาท/วัน เป็นเวลา 14 วันด้วย

ทั้งนี้ เกณฑ์ในการพิจารณาให้ผู้ป่วยกักตัวรักษาโควิดที่บ้านได้ ได้แก่ ต้องเป็นมีอายุน้อยกว่า 60 ปี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อยู่คนเดียว หรือที่พักอาศัยสามารถมีห้องแยกเพื่ออยู่คนเดียวได้ ไม่มีภาวะอ้วน ไม่มีโรคร่วมดังต่อไปนี้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ฯลฯ

แม้โควิดจะระบาดหนักขึ้นเรื่อยๆ และภาครัฐได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุเร็วขึ้นที่สถานีกลางบางซื่อ เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหากติดโควิด ขณะที่อีกด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องการท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ด้วยการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เพื่อเปิดโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" รับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว “วันนี้จึงอยากจะย้ำว่า การเปิดภูเก็ตไม่ใช่เรื่องของจังหวัดภูเก็ต แต่เป็นเรื่องของทั้งประเทศ ที่ทุกจังหวัดจะต้องเริ่มมีการนำร่อง ดูความเหมาสม ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าใน 120 วัน ตรงไหนเปิดได้ก็ต้องทำ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายประเทศไม่เคยมีเที่ยวบินมาประเทศไทย แต่วันนี้เริ่มมาแล้ว แสดงให้เห็นว่า มาตรการภูเก็ตเเซนด์บ็อกซ์ เป็นสิ่งที่รับได้ และยอมปฏิบัติตามกติกากัน ยืนยันว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนเสมอ โดยเฉพาะตนได้ฝากความห่วงใยผ่าน ศบค.ผ่านกระทรวงสาธารณสุข และคณะรัฐมนตรี ตนไม่เคยทิ้งประชาชน ไม่เคยทิ้งให้ใครอยู่ข้างหลัง แต่ทุกอย่างต้องค่อยๆ แก้ปัญหา

ส่วนกรณีที่ญี่ปุ่นมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้หลายประเทศ รวมทั้งจะมอบให้ไทย 1.05 ล้านโดส โดยวัคซีนจะมาถึงในวันที่ 9 ก.ค.นั้น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกรณีรับบริจาควัคซีนจากญี่ปุ่น ผ่านการร่วมสนทนาในรายการ CARE ClubHouse x CARE Talk ตอน “โทนี่สอนน้อง” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมสะเทือนใจนะ รับบริจาคจากที่นั่นที่นี่ อย่างญี่ปุ่นบริจาคแอสตร้าฯ ให้ เขาเป็นประเทศมีน้ำใจอยู่แล้ว แต่เรามีโรงงานผลิต แม้เรารับจ้างผลิตเหมือนโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปก็ตาม แต่เรารับบริจาค ผมก็ไม่แน่ใจว่า ทำไมต้องรับบริจาค มันไม่เท่อะ”

ผู้ร่วมเสวนาถามว่า หากให้โทนี่เป็นคนจัดหาวัคซีน ใช้เวลากี่วัน นายทักษิณ ระบุว่า “มอบอำนาจให้ผมดิ จะหาให้ มันอยู่ที่การเจรจา เราเป็นทั้งประเทศ เจรจาซื้อวัคซีนไม่ได้ ไม่รู้จะทำไง ...ถ้ารัฐบาลไม่รู้จะทำอย่างไร ผมยินดีทำ ว่างอยู่แล้ว งานก็ไม่มีทำ”

2.กรมวิทยาศาสตร์ฯ ยัน ผลตรวจสอบวัคซีนซิโนแวคล็อตจับตัวเป็นเจล คุณภาพปลอดภัย ชี้ หากเกิดตะกอนแล้วเขย่าไม่ละลาย ห้ามใช้ฉีด!


เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศด่วนที่สุด ลงวันที่ 28 มิ.ย.2564 เรื่อง แจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีนโคโรนาแวค เลขทะเบียน 1c 3/64 (NBC) ของบริษัท ซิโนแวค ว่า อย.ได้รับรายงานวัคซีนโคโรนาแวค รุ่นการผลิต c202105079 วันที่ผลิต 10.05.2021 วันหมดอายุ 09.11.2021 มีลักษณะสารละลายของวัคซีนมีการรวมตัวเป็นเจลใสติดบริเวณด้านในของขวดวัคซีน และเจลดังกล่าวไม่หายไปหลังการเขย่า โดยยืนยันว่า จากรายงานพบวัคซีนลักษณะดังกล่าวในแหล่งฉีดวัคซีนบางแห่งเท่านั้น

อย.พิจารณาแล้วเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากกระบวนการเก็บรักษาและการขนส่งที่ไม่ควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติในทะเบียนตำรับยา คือ 2-8 องศาเซลเซียส ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และปลอดภัย อย.จึงเห็นควรให้แจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีนให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนของกรมควบคุมโรค ซึ่งระบุคำแนะนำสำหรับการเก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ ให้เก็บไว้ที่ชั้นกลาง หรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น ทั้งนี้ หากพบวัคซีนลักษณะดังกล่าว ขอให้ระงับการฉีดวัคซีนรุ่นการผลิตที่พบและแจ้งให้ อย.ทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป

นพ.สุรโชค แถลงเพิ่มเติมด้วยว่า อย.ได้รับรายงานวัคซีนลักษณะดังกล่าวในจุดฉีดวัคซีน 1 แห่ง โดยพบเพียง 110 ขวด ยังไม่ผ่านการฉีดและเรียกเก็บคืนทันที พร้อมส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์ฯ

ต่อมา นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า จากการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างวัคซีนต้องสงสัยผิดปกติของสถานบริการที่ดูดไว้ในกระบอกฉีดยาแล้ว 7 กระบอก และวัคซีนที่อยู่ในขวดจำนวน 15 ขวด ที่ได้รับมาพร้อมกัน พบว่า วัคซีนมีลักษณะทางกายภาพเป็นปกติ คือ เป็นวัคซีนน้ำมีสีขาวขุ่น เมื่อเขย่าให้เข้ากัน และเมื่อตั้งทิ้งไว้จะตกตะกอนแยกชั้น ชั้นบนสีใส ด้านล่างสีขาว สามารถเขย่าให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวได้ง่าย ระยะเวลาการตกตะกอนแยกชั้นประมาณ 3-4 นาที เริ่มเห็นการตกตะกอน และตกตะกอนอย่างสมบูรณ์ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ไม่พบตะกอนผิดปกติ

นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า สำหรับวัคซีนที่อยู่ในกระบอกฉีดยา หากเขย่าหรือดีดกระบอกฉีด โดยไม่มีช่องอากาศเลย วัคซีนจะไม่กระจายตัว จะต้องดึงอากาศเข้าไปในกระบอกฉีดก่อนเขย่า วัคซีนจึงละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ลักษณะกายภาพที่ปรากฏนี้เป็นลักษณะปกติของวัคซีนที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมเจล เนื่องจากวัคซีนโคโรนาแวค มีอลูมิเนียมเจลเป็นส่วนประกอบ จึงมีลักษณะกายภาพดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะปกติ

นอกจากนี้สถาบันชีววัตถุยังได้ตรวจสอบความเป็นกรด-ด่างในวัคซีนดังกล่าว พบว่า อยู่ในเกณฑ์ยอมรับ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบในเรื่องอุณหภูมิการขนส่ง และเก็บรักษาวัคซีนรุ่นการผลิตนี้ ตั้งแต่การขนส่งระหว่างประเทศและภายในประเทศแล้ว พบว่า อยู่ในช่วงอุณหภูมิความเย็นที่เหมาะสม จึงสรุปได้ว่า วัคซีนรุ่นดังกล่าวเป็นวัคซีนที่มีคุณลักษณะทางกายภาพที่ปกติ สามารถนำไปใช้ได้

นพ.ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ให้บริการจำเป็นต้องตรวจสอบลักษณะทางกายภาพของวัคซีน ทุกขวดก่อนใช้ หากพบเห็นการเกิดตะกอนที่ผิดปกติ เช่น เขย่าแล้วไม่ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน หรือเป็นเม็ดตะกอนเล็กๆ กระจายไปทั่ว หรือตกตะกอนอย่างเร็ว ต้องไม่ใช้วัคซีนขวดนั้น และแจ้งประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ มีคำแนะนำสำหรับการใช้วัคซีนที่มีอลูมิเนียมเจลเป็นส่วนผสมว่า จะต้องขนส่งและเก็บรักษาในอุณหภูมิ ที่เหมาะสมช่วง 2-8 องศาเซลเซียส ห้ามขนส่งหรือจัดเก็บในอุณหภูมิติดลบหรือแช่แข็ง

ที่สำคัญต้องเขย่าขวดให้วัคซีนกระจายตัวก่อนดูดด้วยกระบอกฉีดยา และเมื่อดูดวัคซีนออกจากขวดแล้วควรฉีดทันที หากตั้งทิ้งไว้จะต้องดีดกระบอกฉีดยาให้วัคซีนกระจายตัวก่อนฉีด โดยอาจต้องดึงอากาศให้เข้ากระบอกฉีดยาเล็กน้อยก่อนเขย่า

3. ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” พร้อมบิ๊ก อคส.เอื้อ “สยามอินดิก้า” ได้ขายข้าวให้อินโดนีเซีย!



เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้าคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2554 องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าวปริมาณ 300,000 ตัน ในราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาดังกล่าว องค์การคลังสินค้าจึงได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการค้าข้าวให้เสนอขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่ BULOG โดยวิธียื่นซองเสนอราคา ในวันที่ 13 ธ.ค. 2554 แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้มีการประกาศเป็นการทั่วไป ซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. 2541

ต่อมา วันที่ 14 ธ.ค. 2554 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้มอบอำนาจให้พนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า เป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ปรากฏว่า บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณา จึงเหลือเพียงบริษัท สยามอินดิก้า บริษัทเดียว นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า ซึ่งได้รับมอบหมายให้รักษาการ ในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าในขณะนั้น ได้อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG โดยองค์การคลังสินค้าได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ

ต่อมา องค์การคลังสินค้าได้มีการทำบันทึกต่อท้ายสัญญากับบริษัท สยามอินดิก้าเพื่อตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก จำนวน 200,000 ตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเสนอราคาขายข้าวเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่า นายสุรศักดิ์ ศรีประภา, นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้ร่วมกระทำไปโดยมุ่งหมาย และมีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้า อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า

ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า ภายหลังจากที่องค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า ให้เป็นผู้ส่งมอบให้แก่ BULOG ทางตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่า การคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG มีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ซึ่งนายกิตติรัตน์ ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่า องค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG แต่นายกิตติรัตน์ ไม่ใช้อำนาจ ในฐานะ รมว.พาณิชย์ สั่งการให้มีการตรวจสอบ หรือดำเนินการใดๆ เพื่อยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กลับแจ้งผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รวมถึงให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่า จะไม่มีการทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยอ้างว่า การดำเนินการขององค์การคลังสินค้าเป็นไปโดยชอบ และทางฝ่าย BULOG เป็นผู้เลือกบริษัท สยามอินดิก้า แต่ปรากฏว่า BULOG ไม่เคยให้ข้อเสนอแนะหรือแนะนำรายชื่อผู้ส่งออกข้าวให้กับองค์การคลังสินค้าแต่อย่างใด แสดงให้เห็นเจตนาว่า ต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท สยามอินดิก้า ได้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG แต่เพียงผู้เดียว

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายกิตติรัตน์ มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192

ส่วนการกระทำของนายสุรศักดิ์ ศรีประภา, นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์, นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ และบริษัท สยามอินดิก้า กับพวก มีมูลความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

4. ศาล รธน.ไม่รับวินิจฉัย “บิ๊กตู่” พ้นตำแหน่งหรือไม่ กรณีออกคำสั่งปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว!



เมื่อวันที่ 1 ก.ค. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญได้ปรึกษาคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่

โดย ส.ส.จำนวน 72 คน ได้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาฯ (ผู้ร้อง) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ (ผู้ถูกร้อง) ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2562 เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ลงวันที่ 11 เม.ย.2562 เป็นการเข้าไปแทรกแซงและก้าวก้ายการเข้ารับสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) มีความมุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ให้กระทำการอันเป็นการต้องห้ามในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หากรัฐมนตรีผู้ใดกระทำการอันเป็นการต้องห้ามดังกล่าวในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ ความเป็นรัฐมนตรีของผู้นั้นย่อมต้องสิ้นสุดลง

ดังนั้นการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นอยู่ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

“เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่า ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวฯ แต่ผู้ถูกร้องได้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญไปแล้ว นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย”

5. การบินไทย เปิดให้ พนง.ลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือน 1 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายบริษัท เริ่ม 1 ก.ค.!



เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า นายสุวรรธนะ สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่สายทรัพยากรบุคคล รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ ได้ออกประกาศ เรื่อง โครงการให้พนักงานลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนค่าจ้าง ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564-30 มิ.ย.2565 ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรให้แก่บริษัท รวมทั้งให้พนักงานบางกลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพสามารถเข้ารับการรักษาและดูแลสุขภาพได้ โดยไม่เป็นภาระต่อตัวพนักงานและบริษัทฯ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้พนักงาน และเกิดประโยชน์กับบริษัทฯ กรณีพนักงานลาไปศึกษาต่อ และให้พนักงานที่ต้องการลาติดตามคู่สมรส

โดยพนักงานที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ต้องเป็นพนักงานที่ผ่านการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรปัจจุบันนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2564 และยังคงมีสภาพเป็นพนักงานของบริษัทฯ ณ วันที่พนักงานแจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ และเป็นพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยเท่านั้น

ข่าวแจ้งว่า โครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนครั้งนี้ เป็นรูปแบบความสมัครใจร่วมกันทั้งสองฝ่าย ระหว่างบริษัทฯ กับพนักงาน โดยบริษัทฯ สงวนสิทธิ์พิจารณาอนุมัติตามดุลพินิจบริษัทฯ แต่เพียงฝ่ายเดียว โดยจะคำนึงถึงความเหมาะสม และผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่องานเป็นสำคัญ

สำหรับพนักงานจะเริ่มลาได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษร และไม่สามารถถอนเรื่องคืนหรือยกเลิกได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากบริษัทฯ และบริษัทฯ ยังมีสิทธิโดยฝ่ายเดียวที่จะเรียกพนักงานให้กลับมาทำงานก่อนกำหนดระยะเวลาการลา หากพนักงานไม่กลับมาเข้าปฏิบัติงาน จะถือว่าพนักงานมีความผิดทางวินัย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า บริษัทฯ จะนับเวลาการลาทั้งหมด เป็นเวลาในการปฏิบัติงาน ในการคำนวณอายุการทำงาน เพื่อให้สิทธิตามกฎหมายของพนักงาน โดยในระหว่างที่ลา บริษัทฯ และพนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะไม่ส่งเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขณะที่พนักงานจะไม่ได้รับค่าจ้างและเงินใดๆ จากบริษัทฯ ตลอดระยะเวลาของการลา แต่ยังคงได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์จากบริษัท

กรณีที่พนักงานลาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป บริษัทฯ จะจ่ายเงินช่วยเหลือ 1,650 บาทต่อเดือนให้แก่พนักงาน (ก่อนหักภาษี) เพื่อช่วยเหลือพนักงานให้ยังมีการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมอยู่ เพื่อที่พนักงานจะได้คงสิทธิในการได้รับผลประโยชน์ทดแทนต่างๆ จากกองทุนประกันสังคมในระหว่างระยะเวลาการลานี้เท่านั้น

นอกจากนี้ตลอดระยะเวลาการลา ห้ามพนักงานดำเนินกิจการส่วนตัว หรือร่วมกิจการในห้างหุ้นส่วน ร้านค้าบริษัท องค์กร หรือบุคคลใดๆ ซึ่งขัดต่อผลประโยชน์ หรืออาจก่อไห้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ รวมทั้งไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในส่วนราชการหรือในทางการเมือง เว้นแต่ได้รับความยินยอม และต้องรักษาวินัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของบริษัท ไม่กระทำการใด ๆ อันอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัทฯ รวมทั้งห้ามพนักงานเข้ามายังสถานที่ทำการของบริษัทฯ โดยเมื่อสิ้นสุดการลา หรือบริษัทฯ เรียกพนักงานให้กลับมาทำงานให้กับบริษัทฯ ให้พนักงานรายงานตัวต่อต้นสังกัด โดยผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้พิจารณาประเมินผลการปฏิบัติงาน ซึ่งอาจพิจารณาให้พนักงานไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เหมาะสมต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น