เอ็กโก กรุ๊ป ดันโครงการโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 กำลังผลิต 1,600 เมกะวัตต์เสนอกระทรวงพลังงานเพื่อบรรจุในแผน PDP 2022 เสริมความมั่นคงด้านไฟฟ้าภาคใต้ระยะยาว พร้อมปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงโรงไฟฟ้า BLCP ส่วนขยายจากถ่านหินเป็นก๊าซฯ รองรับการใช้ไฟฟ้าในอีอีซี
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอกระทรวงพลังงานพิจารณาบรรจุโครงการโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 อยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2022) ที่กำลังจัดทำแผนฯ อยู่ เนื่องจากโรงไฟฟ้าขนอมตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ส่งจ่ายไฟฟ้าป้อนความต้องการใช้ในพื้นที่ภาคใต้และใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงจากต่อท่อส่งก๊าซฯ มาจากโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Receiving Terminal) ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ปตท.กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดังนั้นโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 จึงเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีประโยชน์และความคุ้มค่าการลงทุน
สำหรับพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 อยู่ในบริเวณพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 ซึ่งมีพื้นที่เหลือเพียงพอติดตั้งได้ 2 ชุด กำลังการผลิตติดตั้งชุดละประมาณ 700-800 เมกะวัตต์ หรือมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,600 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม หากปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวสูงกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วง 2-3 ปีนี้ และปัจจุบันประเทศมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin : RM) ในระดับสูงราว 40% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม แต่ในอนาคตหากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็วก็อาจจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้เติบโตขึ้น ดังนั้นก็บรรจุโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 ไว้ในช่วงปลายแผน PDP 2022
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเป็นโครงการป้อนก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพุนพิน หรือโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP 2018 Rev.1) รวมทั้ง ปตท.จะต้องป้อนก๊าซฯ ให้แก่โรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 ด้วย แม้ว่าปัจจุบันจะรับก๊าซฯ จากอ่าวไทย แต่ก๊าซฯอาจจะไม่เพียงพอป้อนได้ตลอดอายุสัญญาโรงไฟฟ้า จึงจำเป็นต้องนำเข้า LNG เข้ามาเสริม ดังนั้น หากโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 5 ถูกบรรจุอยู่ในแผน PDP ฉบับใหม่ ก็จะเอื้อให้การออกแบบก่อสร้าง LNG Receiving Terminal รองรับปริมาณก๊าซฯ ไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนและตอบโจทย์ประเทศ
นายเทพรัตน์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้า BLCP ส่วนขยายอีก 1,000 เมกะวัตต์ว่า เดิมแผนส่วนขยายโรงไฟฟ้า BLCP จะใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน แต่ปัจจุบันภาครัฐไม่มีนโยบายรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ข้าระบบเพิ่มเติม ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับแผนเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้า BLPC ส่วนขยายเป็นก๊าซฯ แทน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพในการจ่ายไฟฟ้าป้อนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีความพร้อมด้านสายส่งและแหล่งก๊าซฯ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะดำเนินการก่อสร้างได้ต่อเมื่อรัฐบรรจุโครงการนี้ในแผน PDP 2022
โครงการโรงไฟฟ้า BLCP เป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างเอ็กโก กรุ๊ป ถือหุ้น 50% กับบ้านปู ถือหุ้น 50% เป็นโรงไฟฟ้า IPP พลังความร้อนจากเชื้อเพลิงถ่านหิน ตั้งอยู่ใน จ.ระยอง มีปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขาย 1,346.50 เมกะวัตต์ หรือมีปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้นของเอ็กโก กรุ๊ป อยู่ที่ 673.25 เมกะวัตต์ มีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี โดยเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หน่วยที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2549 และหน่วยที่ 2 เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2550 โดยมีพื้นที่เหลือรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้า BLCP ส่วนขยายได้อีก 1,000 เมกะวัตต์
