WHAUP เดินหน้า M&A โรงไฟฟ้าพลังลมและโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม คาดปิดดีลได้ปี 64 แย้มรายได้ปีนี้โต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.77 พันล้านบาท
นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2564 โดยบริษัทได้มีการเจรจาไว้หลายโครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 250 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทสนใจซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามจำนวน 3 โครงการ โครงการละ 30 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวม 90 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปลายปีนี้ หรืออย่างช้าภายในต้นปี 2565
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังจะจบดีล M&A ในเวียดนาม ทั้งโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานลม เพราะหากบริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามแผนจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2564 จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ COD ไปแล้วกว่า 594 เมกะวัตต์ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าธุรกิจไฟฟ้าเติบโต 14% จากปีก่อน ส่งผลให้ทั้งปี 2564 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 670 เมกะวัตต์ ยังไม่รวมโครงการ M&A ในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ไว้ที่ระดับ 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 ปัจจุบันลงนามสัญญาไปแล้ว 61 เมกะวัตต์ โดยในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 90 เมกะวัตต์
นายนิพนธ์กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.77 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 812.73 ล้านบาท หลังจากภาพรวมธุรกิจปีนี้เติบโตขึ้น แบ่งเป็น ธุรกิจน้ำที่คาดว่ามียอดขายแตะระดับ 153 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเติบโต 34% จากปีก่อน เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และมาตรการ lockdown จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยังคงดำเนินการปกติอย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการใช้น้ำจากลูกค้ารายใหม่เริ่มทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 เป็นต้นมา ส่วนธุรกิจน้ำในเวียดนามคาดว่ายอดขายจะเติบโตเช่นกัน ด้านธุรกิจไฟฟ้า ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 14%
