การตลาด – “ลิโพวิตัน-ดี” ภายใต้การคุมของ “โอสถสภา ไทโช ฟาร์มาซูติคอล” เปิดเกมรุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังครั้้งใหญ่รอบ 22 ปี เจาะกลยุทธ์ปั้่น “ลิโพ-ไฟน์” เขย่าตลาด เจาะกลุ่มผ้หญิง หวังสร้างน่านนำ้ใหม่ที่ไร้คลื่นรุนแรงของการแข่งขัน
ตลาดรวมเครื่องดื่มชูกำลังในไทย เป็นตลาดที่ไม่ตายแต่ก็ไม่ได้เติบโตหวือหวาเหมือนในอดีต แต่ก็ยังเป็นตลาดที่มีมนต์เสน่ห์ไม่น้อย ทั้งในแง่โอกาสการเติบโตและมูลค่าตลาดที่ไม่น้อยหน้าตลาดเครื่องดื่มประเภทอื่นๆเลย
จากข้อมูลของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตลาดรวมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ปี 2564 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่มากระหว่าง 0.5-1.5% หรือมีมูลค่าประมาณ 1.97 – 1.99 แสนล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าปี 2562 (ช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด) ที่่มีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้เครื่องดื่มที่มีสัดส่วนตลาดมากที่สุด คือ น้ำอัดลม 31%, น้ำดื่มบรรจุขวด 22%, เครื่องดื่มชูกำลัง 13%, น้ำผลไม้ 9%, ชาพร้อมดื่ม/กาแฟพร้อมดื่ม ในสัดส่วนเท่ากันที่ 7%, เครื่องดื่มสปอร์ตดริ๊งก์หรือเกลือแร่ 4% อีก, เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ รวมกัน อยู่ที่ 7%
จะเห็นได้ว่า เครื่องดื่มชูกำลังกลายเป็นตลาดที่ให่่ติดอันดับที่3เลยทีเดียว
แต่ก็เป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง แต่แม้ว่าในตลาดรวมจะมีมากมายหลายแบรนด์ก็ตามที แต่กลับกลายเป็นว่า ตลาดรวมตกอยู่ในการคุมเกมของแบรนด์ใหญ่เพียง 3 รายเท่านั้น คือ เอ็ม-150 ของค่ายโอสถสภา, คาราบาวแดงของค่ายโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงและคาราบาวกรุ๊ป และอีกแบรนด์คือกระทิงแดงของค่ายทีซีพี
ขณะที่แบรนด์ ลิโพวิตัน-ดี ของบริษัท โอสถสภา ไทโช ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ที่ถือเป็นแบรนด์แรกในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทยที่มีมานานตั้งแต่ปี 2508 หรือเกือบ 56 ปีที่ผ่านมา โดยเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทโช ฟาร์มาซูติคอล จำกัด เจ้าของ License ลิโพ จากประเทศญี่ปุ่น ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในตลาดได้ อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าจะไม่ได้มีการรุกตลาดอย่างหนักหน่วงเหมือนทั้งสามแบรนด์ดังกล่าวก็ว่าได้ แต่ก็มีปริมาณการขายไม่ต่ำกว่า่ 300 ล้านขวดต่อปี ด้วยสโลแกน “ลิโพ มั่นใจคุณทำได้” พร้อมกับโลโก้ “ชูสองนิ้ว” ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นและความพร้อมในการเติมพลังให้คนไทยกล้าทำในสิ่งที่ดีตลอดไป
ทว่า ตลาดชูกำลังมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ในไทย จากนี้ไปจะมีสีสันขึ้นมาอีกมาก เมื่อโอสถสภาที่ทำตลาดลิโพวิตัน-ดี ประกาศเปิดตัว ลิ โพ ไฟน์ ลงสู่ตลาดเร็วๆนี้
การประกาศนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การออกสินค้าใหม่เท่านั้น
เนื่องจาก ลิโพ-ไฟน์ เป็นการออกสินค้าใหม่ในรอบ 22 ปี หลังจากที่ได้เปิดตัว “ลิโพ-พลัส” เครื่องดื่มบำรุงกำลังผสมน้ำผึ้งธรรมชาติเมื่อ 22 ปีที่ผ่านมา นี่ย่อมหมายความว่า การรุกครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดาเสียแล้ว
เป็นการทำตามแผนที่ได้ประกาศไว้เมื่อปีที่แล้ว ที่แบรนด์ ลิโพวิตัน-ดี ครบรอบ 55 ปีในไทย ซึ่งปีที่แล้วได้มีการทุ่มงบประมาณสูงถึง 30 ล้านบาท จัดกิจกรรมตลาดฉลองต่อเนื่อง กับแคมเปญ “55 ปีแห่งการส่งต่อลิโพผสมทอรีนคุณภาพญี่ปุ่น 1,000 มก.” ซึ่งนับเป็นแคมเปญใหญ่ในรอบหลายปีของแบรนด์ลิโพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพญี่ปุ่นอย่างแท้จริงด้วยส่วนผสมของ “ทอรีนคุณภาพญี่ปุ่น 1,000 มก.” มากที่สุดในบรรดาเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียมที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น ด้วยการปรับโฉมแพกเกจจิ้งใหม่ ทั้งเพิ่มฉลากภาษาญี่ปุ่น และเน้นไอคอนทอรีน 1,000 มก. เพื่อสื่อให้เห็นคุณภาพและความน่าเชื่อถือของลิโพ ในการส่งต่อคุณประโยชน์ของ “ทอรีนจากญี่ปุ่น” ให้แก่ผู้บริโภค
ล่าสุดกับการเปิดตัว ลิโพ-ไฟน์ ปีนี้เป็นการเคลื่อนทัพครั้งสำคัญของ ลิโพฯ ไม่ธรรมดาเสียแล้วด้วยกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
โอสถสภา ซึ่งทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังหลายแบรนด์ เช่น เอ็ม-150 ชาร์คคูลไบรท์ ฉลาม เอ็มสตรอม โสมอินซัม กำลังเดินหน้าสร้างการเติบโตให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดรวมที่ 54.9% (ข้อมูล ณ ไตรมาสแรกของปี 2564)
หากเป็นแบรนด์แล้วจะพบว่า เอ็ม-150 เป็นตัวจักรขับเคลื่อนรายได้และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 38% ขณะที่เบอร์รองอย่างคาราบาวแดงมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 25% ซึ่งใกล้เคียงกับอันดับที่สามอย่างกระทิงแดง ที่ห่างกันไม่มาก
กลับมาที่ลิโพ-ไฟน์ ที่ออกมาเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงโดยเฉพาะ เนื่องจาก ลิโพมองเห็นว่าตลาดเซ็กเมนต์นี้ยังไม่มีใครจับตลาดผู้หญิงอย่างจริงจัง เพราะสินค้าทุกแบรนดิ์ต่างก็จับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น และจับตลาดแมสเป็นหลักทั้งนั้น
แต่ด้วยความที่ลิโพ เป็นแบรนด์ที่ทำภาพลักษณ์แตกต่างจากรายอื่น ไม่ใช่ตลาดแมส และราคาของลิโพโดยเฉลี่ยแล้วจะสูงกว่าแบรนด์อื่นมากบ้างน้อยบ้างจึงไม่ไปเล่่นในตลาดนั้น เท่ากับเป็นการสร้างน่านน้ำใหม่ให้กับตัวเอง เพื่อไม่ต้องปะทะกับคู่แข่งแต่อย่างใด
ต้องยอมรับว่า ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทย เซ็กเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดก็คือตลาดแมสนั่นเอง ด้วยระดับราคา 10 บาทต่อขวด ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 80% ขณะที่เซ็กเมนต์ตลาดกลุ่มพรีเมียม ที่มีราคา 12 บาทขึ้นไป กลับมีสัดส่วนตลาดเเพียง 20% ของตลาดรวม และชัดเจนว่า แบรนด์ลิโพเป็นผู้นำตลาดพรีเมียม มีส่วนแบ่งมากที่สุด แต่ในมุมของภาพรวมตลาดทั้งหมดแล้้ว ลิโพวิตัน-ดี เป็นเบอร์ 4 ซึ่งแม้ลิโพ-ไฟน์ จะไม่สามารถช่วยให้อันดับเลื่อนขึ้นมาเป็นที่สามได้ แต่ก็จะได้ในแง่ของการสร้างยอดขายและสร้างตลาดใหม่ๆให้
อีกทั้งลิโพ-ไฟน์ ยังเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง น้ำตาล 0% กลิ่นมิกซ์เบอร์รี ขนาดบรรจุ 100 มิลลิกรัม ราคา 12 บาท มีทอรีนคุณภาพญี่ปุ่น 1,000 มิลลิกรัม ปราศจากน้ำตาล และมีแคลอรี่ต่ำ
แตกต่างจากชูกำลังทั่วไปในตลาดที่ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีรสชาติพื้นๆและมักจะมีการพัฒนามาตามลำดับในส่วนผสมมีการผสมพวกวิตะมิน ซึ่งพบได้ในทุกแบรนด์ไม่ต่างกัน และก็ไม่ได้มี กลิ่นผลไม้เหมือนลิโพ-ไฟน์ หรืออีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นชูกำลังผสมสมุนไพร ผสมโสม ผสมกระชายดำ เป็นต้น ก็ถือเป็นตลาดที่แตกต่างกัน จึงเหมาะสมกับการทำตลาดกลุ่มผู้หญิง
นี่จึงเป็นเสมือนการสร้างเซ็กเมนต์ใหม่กลุ่มผู้ดื่มผู้หญิงให้กับตลาดรวมชูกำลัง ไปโดยปริยาย และแน่นอนว่า แบรนด์ใดที่เข้ามาทำตลาดก่อนก็ย่อมจะมีความได้เปรียบเป็นทุนเดิม
นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผู้หญิงในปัจจุบันต้องการตัวช่วยที่จะเพิ่มพลังงานเพื่อให้สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวันได้อย่างมั่นใจและกระฉับกระเฉง ประกอบกับกลุ่มผู้บริโภคผู้หญิงมีการใช้จ่ายซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังต่อคนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว โอสถสภาจึงจับมือกับบริษัทไทโช ฟาร์มาซูติคอล ออกสินค้าใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากประเทศญี่ปุ่น “ลิโพ-ไฟน์” เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง น้ำตาล 0% กลิ่นมิกซ์เบอร์รี มาให้ผู้หญิงไทยได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในการบริโภค”
โอสถสภา เดินหน้าเต็มที่กับกลยุทธ์ในการปั้น ลิโพ-ไฟน์ เข้าตลาดอย่างเต็มที่ ด้วยเป้าหมายที่้ต้องการประสบความสำเร็จอย่างที่ลิโพ-ไฟน์ แบรนด์นี้ทำสำเร็จมาแล้วในญี่ปุ่น โดยจะเน้นการสร้างการรับรู้ของ ลิโพ-ไฟน์ ผ่่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ประเดิมด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ที่มี “คริส หอวัง” พรีเซนเตอร์หญิงคนแรกของแบรนด์ มาถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิงยุคใหม่ที่มองหาเครื่องดื่มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในแต่ละวัน ซึ่งคริสจะสะท้อนภาพความมั่นใจ ทันสมัย คล่องแคล่ว ทำงานเก่ง และรักสุขภาพ ของ ลิโพ-ไฟน์ นอกจากนี้ ยังนำออนไลน์อินฟลูเอนเซอร์ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีฐานผู้ติดตามอย่างเหนียวแน่น มาร่วมสร้างการรับรู้และเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ตลอดทั้งปี 2564
ไม่ต้องห่วงเรื่องช่องทางการจำหน่ายการกระจายสินค้า เพราะโอสถสภามีเครือข่ายร้านค้าจำนวนมากทั่วประเทศอยู่แล้ว โดยเริ่มวางจำหน่ายในร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศแล้วโดยมีช่องทางจำหน่ายเทรดิชันนัลเทรด 75% และโมเดิร์นเทรด 25% ยังมีช่องทางออนไลน์ทกแพลตฟอร์ม มีตู้กดอัตโนมัติอีก มากมาย
“จากโอกาสทางการตลาดของเครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิงที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ลิโพ-ไฟน์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้หญิงทั่วประเทศญี่ปุ่น เราจึงมั่นใจว่า ลิโพ-ไฟน์ จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงไทยได้เป็นอย่างดี และสามารถขยายพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ลิโพให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และเสริมทัพให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังของโอสถสภาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” นางวรรณิภา กล่าว
เช่นเดียวกับความคาดหวังของ นายยูคิโอะ ซาวาดะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา ไทโช ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ที่กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบเครื่องดื่มบำรุงกำลังเฉพาะสำหรับผู้หญิง เพื่อเพิ่มพลังและช่วยให้ผู้หญิงใช้ชีวิตได้เต็มที่อย่างมีสุขภาพดี โดยมั่นใจว่า ลิโพ-ไฟน์ ที่ได้รับการพัฒนาให้มีกลิ่นมิกซ์เบอร์รี หอมหวานอมเปรี้ยวตรงตามความชอบของผู้หญิงไทย จะได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นเดียวกับ ลิโพ-ไฟน์ ในประเทศญี่ปุ่น”