ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร และเป็นบริษัทแม่ของ แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการด้านขนส่งเอกชน ปิดดีลยักษ์จากการระดมทุนรอบซีรีย์ D+ และ ซีรีส์ E คว้ากลุ่ม Buer Capital Limited และ SCB 10X ร่วมทุน พร้อม eWTP-โออาร์-เดอเบล-กรุงศรีฟินโนเวต ลงเพิ่มได้เม็ดเงินรวมไปกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,700 ล้านบาท ประกาศขึ้นเป็นขนส่งเอกชนอันดับ 1 ด้วยตัวเลขจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น ทะยานสู่ยูนิคอร์นตัวแรกของไทย
นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-Commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ล่าสุด จากการระดมทุนรอบซีรีย์ D+ ที่ได้ผู้ร่วมทุนรายใหม่อย่าง SCB 10X พ่วงด้วย บริษัทจันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้พริ้นท์ติ้ง จำกัด เข้าสนับสนุน โดยในส่วนของซีรีย์ E ก็ยังคว้า Buer Capital กลุ่มทุนจากสิงคโปร์ ร่วมด้วย SCB 10X ที่ให้การสนับสนุนทั้งซีรีส์ D+ และ E ตามด้วยผู้ลงทุนเดิมอย่าง eWTP, บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์, บริษัท เดอเบล จำกัด (Durbell) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP, บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด (Krungsri Finnovate) ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป ที่ตบเท้าลงเพิ่มในซีรีส์ E
ดีลใหญ่นี้ทำให้กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) สามารถระดมทุนไปได้สูงถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,700 ล้านบาท โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนจะถูกกระจายไปในหลายสัดส่วนทั้งด้านการบริหาร และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ครอบคลุมไปถึงการลงทุนในด้านแพลตฟอร์ม eCommerce ที่จะตอบโจทย์ และสร้างความแตกต่างให้แก่ตลาด รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขาย ขยายบริการ และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ
กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิด การเป็นผู้ให้บริการ E-commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร โดยได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มนักลงทุนหลายอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมสนับสนุน ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมธุรกิจในเครือหลากหลายประเภท อาทิ Flash Express ผู้ให้บริการขนส่งแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการบริหารจัดการด้านระบบขนส่ง โดยปัจจุบัน Flash Express มียอดจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น นอกจากนี้ยังมีบริการ Flash Fulfilment คลังสินค้าแบบครบวงจร ที่มีบริษัทชั้นนำเป็นพันธมิตร และใช้บริการมากมาย รวมถึงบริษัทในเครืออีกหลายบริษัทที่สอดคล้องกับธุรกิจ E-commerce และรูปแบบตลาดของประเทศไทย รวมไปถึงบริการใหม่ที่เตรียมขยายออกสู่กลุ่มประเทศใน SEA ซึ่งรอการเปิดเผยหลังจากนี้
“ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจของทีมงานแฟลชทุกคน ที่ทำให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพของเรา โดยจากนี้บริษัทฯ จะทยอยประกาศความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มธุรกิจแฟลช กับผู้ลงทุน ซึ่งแน่นอนว่ากลยุทธ์หลักของแผนการทำงานยังคงมุ่งไปที่การเป็นผู้ให้บริการแบบ One stop service สำหรับ E-Commerce ทั้งในประเทศไทย และสากล รวมไปถึงการเร่งขยายบริการออกสู่ต่างประเทศโดยยึดความตั้งใจเดิม คือ เริ่มจากกลุ่มประเทศในแถบ SEA แม้จะมีอุปสรรคในช่วงสถานการณ์ Covid19 แต่แผนการทำงานของ แฟลช กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งคาดว่าภายใน Q4 ของปีนี้น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น จากการทยอยเปิดให้บริการบางส่วนใน SEA” นายคมสันต์ กล่าว
มร.เหลียง จี้ ผู้อำนวยการ กลุ่ม Buer Capital (Buer) ในฐานะนักลงทุนเชิงกลยุทธ์รายหลักของซีรีส์ E กล่าวว่า Buer เป็นนักลงทุนที่มุ่งเน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านการบริโภค Buer มีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจขนส่งเป็นหนึ่งในระบบสาธารณูปโภคหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เมื่อระบบขนส่งถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และยกระดับขึ้นไปอีกขั้นจะทำให้มีการเปลี่ยนแนวคิด space-time ของธุรกิจค้าปลีก รวมถึงมีความมั่งคั่ง รวดเร็ว และประหยัด ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับกลยุทธ์การลงทุนของแฟลชทั้งในด้านเทคโนโลยี และด้านบริหาร รวมไปถึงศักยภาพในด้านฐานข้อมูล (Data base) ที่จะช่วยผลักดัน และพัฒนาธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆในตลาดได้อย่างระยะยาว
มร.เจียง ดาเหว่ย พาร์ทเนอร์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายของเงินของ eWTP Capital อีกหนึ่งนักลงทุนรายใหญ่ในรอบซีรีส์ E กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันแรกของการก่อตั้ง แฟลช กรุ๊ป (Flash Group) ทีมงานทุกคนได้แสดงให้ผมเห็นถึงวิสัยทัศน์ของการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ในธุรกิจ พร้อมทั้งสามารถขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการบริหารงานด้านโลจิสติกส์ได้อย่างลงตัว
ประกอบกับความทุ่มเทอย่างแน่วแน่ในการทำงาน สามารถสร้างความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลัก สิ่งนี้ได้ยกระดับให้พวกเขากลายเป็นผู้เล่นชั้นนำในธุรกิจ last-mile logistics ของประเทศไทย เรายินดี และยังคงเฝ้ามองความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของพวกเขา รวมถึงการเติบโตในอนาคต พร้อมๆ กับการขยายธุรกิจและบริการด้านอื่นๆ ต่อไป”
ด้าน SCB 10X ผู้ร่วมทุนรายใหม่ที่ให้การสนับสนุนทั้งรอบซีรีส์ D+ และ ซีรีส์ E โดยนางปิติพร พนาภัทร์ Chief Business Development and Financial Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจหลักของ SCB 10X คือ มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั่วโลก รวมถึงสนับสนุนและผลักดันสตาร์ทอัปไทยที่มีศักยภาพให้สามารถเติบโตและก้าวสู่เวทีโลกได้ ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจแฟลช ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงเป้าหมายในการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้ร่วมลงทุนหลักในการระดมทุนรอบ Series D+ และลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่องในรอบ Series E ร่วมกับนักลงทุนชั้นนำ
นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจแฟลช ยังมีแผนในการต่อยอดความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาโซลูชันและบริการทางการเงิน ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) และสร้างประสบการณ์การเงินรูปแบบใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าในอนาคตอันใกล้
นายศิระ ศรีสุกใส ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ผู้ลงทุนหลักจากรอบซีรีย์ D เผยถึงการตัดสินใจลงทุนเพิ่มในซีรีส์ E การร่วมลงทุนและการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง โออาร์ และแฟลช จะเป็นการเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านขนส่งและพลังงาน อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ ของโออาร์ เชื่อมต่อธุรกิจแบบ Online to Offline เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคตที่มีไลฟ์สไตล์ปรับตัวสู่โลกออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริม Startup ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
ปัจจุบัน โออาร์ และ แฟลช ได้มีความร่วมมือทางธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจหลักของทั้งสองบริษัท เช่น การที่โออาร์ให้บริการน้ำมันแก่รถที่ใช้ในการขนส่งของ Flash Express หรือการที่ Flash Express เริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ของ โออาร์ และยังมีแผนเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ ทั้งความร่วมมือในการทดลองเปิดให้บริการจุดรับส่งพัสดุของ Flash Express ภายในร้าน Café Amazon บางสาขา และการวางแผนในการพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น บางแห่ง เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าของ Flash Express เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในความร่วมมือทางธุรกิจเพิ่มเติมในประเทศต่างๆ ผ่านบริษัทย่อยในต่างประเทศของกลุ่มโออาร์ตามแผนการขยายธุรกิจของแฟลชอีกด้วย
บริษัท เดอเบล จำกัด (Durbell) ผู้นำด้านการกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ในประเทศไทย ในเครือกลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนเงินทุนแก่แฟลชทั้งรอบ ซีรีส์ D และ E โดยนางสาวนุชรี อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจขนส่งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศในแถบ SEA สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal นี้ และแฟลช กรุ๊ปก็สามารถตอบรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในสภาพการแข่งขันที่ดุเดือด ด้วยบริการขนส่งพัสดุครบวงจรที่ก่อกำเนิดมาจากความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงและระบบปฏิบัติงานที่แข็งแกร่ง รวดเร็ว ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานเดียวกันกับบริษัท เดอเบล จำกัด บริษัทกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ในเครือกลุ่มธุรกิจ TCP
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำของโลกและประเทศไทย เช่น กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ และอื่นๆ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงทุนและเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของแฟลช กรุ๊ปในทั้ง 2 ซีรีส์
นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้สนับสนุนเงินทุนแก่ แฟลช ทั้งในรอบ ซีรีส์ D และ E กล่าวว่า เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้ลงทุนไทยกลุ่มแรกที่ได้ร่วมลงทุนในแฟลชตั้งแต่รอบซีรีส์ D ในปี 2020 ด้วยเพราะความเชื่อมั่นในศักยภาพที่โดดเด่นและเป้าหมายที่ชัดเจนของแฟลช และการลงทุนเพิ่มในรอบซีรีส์ E ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างกัน
โดยที่ผ่านมา เราต่างต่อยอดความสำเร็จจากความเชี่ยวชาญและจุดแข็งที่มี ผลักดันความร่วมมือระหว่างกันซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะในการร่วมกันสร้าง eCommerce Ecosystem ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนานวัตกรรมการเงินที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าผู้ใช้บริการแฟลช นอกจากนี้ การลงทุนในแฟลชยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรี ฟินโนเวต ที่ต้องการเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการช่วยผลักดันให้เกิดยูนิคอร์นสัญชาติไทย ซึ่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและก้าวกระโดดของแฟลชในวันนี้ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญ และเรายังเชื่อว่าการส่งเสริมระบบขนส่งที่ดีจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
แฟลช กรุ๊ป (Flash Group) นับเป็น Startup ไทยรายแรกที่สามารถระดมทุนรวมได้มากที่สุดในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี ซึ่งทำให้ธุรกิจมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 30,000 ล้านบาทไทย