“จุรินทร์” ประชุมเซลส์แมนภูเก็ต-พังงา ร่วมเอกชนเคาะแผนขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว

“จุรินทร์” นัดประชุมทีมเซลส์แมนจังหวัดภูเก็ตและพังงา พร้อมด้วยภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับจังหวัด ยันราคาพืชผลทางการเกษตรดีเกือบจะทุกตัว แต่ภาคท่องเที่ยวยังติดขัดอยู่ เตรียมนำผลหารือเสนอ ศบค.และรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีน ขอจังหวัดปรับแผนท่องเที่ยว เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว ก่อนหารือจังหวัดอื่นๆ ในแถบอันดามันต่อไป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมทีมเซลส์แมนจังหวัดภูเก็ต และพังงา ว่า ได้นัดหารือกับทีมเซลส์แมนจังหวัด 2 จังหวัด และได้เชิญภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวของทั้ง 2 จังหวัดมาร่วมหารือด้วย เพราะเศรษฐกิจของพื้นที่อันดามัน ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก ปัจจัยแรก คือ ด้านการเกษตร ปัจจัยที่สอง คือ ด้านการท่องเที่ยว จึงต้องมาทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่

ทั้งนี้ ในด้านการเกษตร ขณะนี้ถือว่าราคาพืชผลการเกษตรดีเกือบจะเรียกว่าทุกตัว โดยยางพาราราคาเกินกว่า 60 บาทมาหลายเดือนแล้ว ปาล์มน้ำมันราคากิโลกรัม (กก.) ละ 5-6 บาทมาเกือบปีแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงกว่าหลายยุคที่ผ่านมา และเกษตรกรภาพรวมก็มีความพอใจ รวมทั้งผลไม้ ก็ถือว่ามีราคาอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเฉพาะล่าสุดมังคุดที่จังหวัดจันทบุรี ได้รับรายงานว่า กก.ละเกือบ 200 บาท ส่วนทุเรียน กก.ละ 100 กว่าบาท เพราะฉะนั้นพืชเกษตรในขณะนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ประชาชนพอใจ โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต พังงาก็มีความพอใจ

ส่วนด้านการท่องเที่ยว เครื่องยนต์ด้านการท่องเที่ยวยังติดขัดอยู่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจึงได้มีการหารือร่วมกันเพื่อเตรียมการกำหนดมาตรการต่างๆ สำหรับภาคปฏิบัติเพื่อรองรับแผนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะมีการเปิด #phuketsandbox #ภูเก็ตแซนบล็อค ในวันที่ 1 ก.ค. 2564 ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงพื้นที่จังหวัดพังงาด้วย เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกันในรูปแบบของอันดามันคลัสเตอร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่จะมาจังหวัดภูเก็ต จะได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดพังงา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้จังหวัดภูเก็ตสามารถเริ่มเปิดเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัคซีนและการบริหารจัดการอื่นๆ ด้วย

นายจุรินทร์กล่าวว่า จากการประชุมหารือ ได้มีข้อสรุปร่วมกัน โดยตนจะรับไปช่วยประสานกับ ศบค. และรัฐบาลให้ดำเนินการต่อไปดังนี้ คือ ประการที่หนึ่ง ภาคเอกชนขอให้ได้รับวัคซีนตามที่ปริมาณที่ได้กำหนดไว้ตามแผน กล่าวคือ จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ส.ค. 2564 ได้กำหนดขอรับวัคซีนไว้จำนวน 930,000 โดส ส่วนจังหวัดพังงาตั้งแต่เดือน เม.ย.-ก.ย. 2564 ได้กำหนดขอรับวัคซีนไว้ จำนวน 210,000 โดส หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ แต่ละจังหวัดก็จะบริหารจัดการและมีการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน และจะทำให้การเปิดเมือง 1 ก.ค. 2564 เดินหน้าไปได้

ประการที่สอง ขอให้จังหวัดพังงาได้เร่งปรับแผนโดยเร็วเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้สอดคล้องกับจังหวัดภูเก็ต เพราะการขายทัวร์ หรือแผนการท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ควรที่จะได้ขายร่วมกันทั้งสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงาควบคู่กันไป ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สนใจเดินทางมามากขึ้นในรูปแบบอันดามันคลัสเตอร์ ซึ่งเรื่องนี้จะได้นำไปประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาอีกครั้งหนึ่งให้เร่งปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกัน

ประการที่สาม ในการเดินทางมาหลังวันที่ 1 ก.ค. 2564 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะมีเที่ยวบินตรง (Direct Flight) บินมาจากประเทศคู่สัญญาที่เราจะเปิดรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากไทยไม่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศในโลก แต่จะเปิดให้เฉพาะประเทศที่ได้รับอนุญาต เช่น อังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย สหรัฐฯ อิสราเอล ฝรั่งเศส และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้สนามบินภูเก็ตต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางมาของแต่ละเที่ยวบิน ซึ่งบางครั้งอาจจะมาในเวลาที่ไม่ใช่ช่วงเวลาทำการปกติ ดังนั้น สนามบินภูเก็ตจำเป็นจะต้องเตรียมบุคลากรให้พร้อมสำหรับการต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ทราบว่ายังติดขัดอยู่บ้างสำหรับบุคลากรในบางหน่วยงาน เช่น ด่านควบคุมโรค โดยเรื่องนี้ตนจะได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขต่อไปว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็ขอให้มีบุคลากรให้พร้อมเพื่อไม่ให้ติดขัดไปถึงกลไกอื่นๆ ในการรับนักท่องเที่ยวที่สนามบิน

ประการที่สี่ จังหวัดภูเก็ตและพังงาจะทำแผนงานไทยเที่ยวไทยร่วมกันเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ให้สามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวทั้งสองจังหวัดได้ เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวคนไทยตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากการหารือในครั้งนี้แล้ว ตนจะได้มีการประชุมร่วมระหว่าง 3-5 จังหวัดในอันดามันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะเข้ามาช่วยเสริมเติมในส่วนที่สามารถทำได้ต่อไป