“ส.อ.ท.” เร่งดันโครงการ “เมดอินไทยแลนด์” ดึงกำลังซื้อภาครัฐเพิ่มยอดขายให้ผู้ผลิตไทยในช่วงโควิด-19 เพื่อประคองธุรกิจ ตั้งเป้าปี 64 มีสินค้าเข้าร่วมกว่า 1 แสนรายการ ดึงเอสเอ็มอีเข้าร่วมเตรียมเดินสายหารือกับรัฐจัดสินค้าให้ชัดรองรับความต้องการ หวังปี 64 จะดึงเม็ดเงินเข้าสู่ธุรกิจไทยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปี 2564 ส.อ.ท.ตั้งเป้าหมายการขึ้นทะเบียนสินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand : MiT) ไม่น้อยกว่า 100,000 รายการสินค้า จากขณะนี้ได้ขึ้นทะเบียนสมาชิกแล้วกว่า 3,500 รายการสินค้าเพื่อให้ทุกกระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) สินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นที่ต้องการในการปฏิบัติงานของภาครัฐในสำนักงาน เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โครงสร้างพื้นฐาน และอื่นๆ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการไทยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังซื้อภาคเอกชนลดลงไปมาก มีเพียงกำลังซื้อภาครัฐที่ยังไม่ลดลงเพื่อประคองเศรษฐกิจ ดังนั้น ในเดือน มิ.ย.นี้จะเข้าหารือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น คมนาคม คลัง ฯลฯ เพื่อกำหนดเป้าหมายสินค้าที่รัฐต้องการให้ชัดเจนและจัดหาเอกชนให้สอดรับกับความต้องการ
ทั้งนี้ เพื่อขยายตลาดให้กับสินค้า MiT ส.อ.ท.จะผลักดันไปสู่รูปแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ได้แก่ 1. ผลักดันสมาชิก ส.อ.ท.ทั้งหมด 12,000 ราย ให้สนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยจะมอบสิทธิประโยชน์ให้สมาชิกในการรับบริการจาก ส.อ.ท.เพิ่มเติม เช่น ลดหย่อนค่าบำรุงสมาชิก หรือบริการอื่นๆ 2. แผนผลักดันสิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการที่สนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศในด้านการเงินให้แก่ผู้ประกอบการ โดยร่วมกับสถาบันการเงินให้สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมพิเศษ ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือกับสถาบันการเงินบางแห่งไปแล้ว และ 3. ในระยะยาว ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสิทธิพิเศษด้านภาษี ซึ่งจะหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป
นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานสายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (ISC) กล่าวว่า ส.อ.ท.กำลังร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) นำเครือข่ายเอสเอ็มอี ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีจำนวนกว่า 100,000 ราย ให้มาขึ้นทะเบียน MiT รวมถึงสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำสมาชิกเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย ซึ่งโครงการ MiT ได้กำหนดให้ต้องมีวัตถุดิบอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่ต่ำกว่า 40% จึงช่วยสร้างรายได้ลงไปให้แก่ผู้ประกอบการายย่อยได้อีกเป็นจำนวนมาก
“ปีงบประมาณ 2564 คาดว่างบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 1.77 ล้านบาทจะต้องมาซื้อสินค้าไทยไม่ต่ำกว่า 60% จะทำให้มีเม็ดเงินไหลไปสู่ผู้ประกอบการไทยกว่า 1 ล้านล้านบาท และจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนไปสู่รายย่อยทั่วประเทศอีกเป็นจำนวนมาก และปีนี้ ส.อ.ท.มีแผนการจัดงานสินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand-Premium Product Fair) ในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ที่สยามพารากอน นอกจากนี้ จะผลักดันสิทธิประโยชน์ด้านสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ MiT เพิ่มเติมด้วย” นางพิมพ์ใจกล่าว