ส.อ.ท.หนุนมาตรการเยียวยาภาครัฐอุ้มประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19 รอบใหม่ เตรียมถก 4 คณะทำงาน กกร.เร็วๆ นี้หนุนการฉีดวัคซีนภาครัฐหวังกระจายการฉีด 100 ล้านโดสของรัฐบาลให้เร็วขึ้นก่อนสิ้นปีเพื่อเร่งฟื้นฟู ศก. แนะรัฐเร่งทำความเข้าใจหลังประชาชนเริ่มกังวลการฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหา
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 และการบรรเทาภาระค่าสาธารณูปโภคที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 พ.ค.เห็นชอบว่า นับเป็นมาตรการที่ออกมาได้ทันเหตุการณ์ เพราะขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อยังคงมีต่อเนื่องที่จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะย่อมมีผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็วยังจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลวางแผนไว้ 100 ล้านโดสในสิ้นปี นับเป็นเรื่องที่ดีแต่หากกระจายการฉีดให้เร็วขึ้นได้ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐจะมีแผนจัดหาและฉีดวัคซีนที่ชัดเจนแล้ว แต่ขณะนี้พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ว่าจะไม่ปลอดภัย ดังนั้น เห็นว่าภาครัฐจำเป็นต้องเร่งสร้างความรู้และความเข้าใจถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างเร่งด่วน ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“ขณะนี้รัฐเองจำเป็นต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และต้องทำในเรื่องของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควบคู่ไปด้วย โดยรัฐยืนยันถึงแผนจัดหาวัคซีนที่จะเร่งฉีดเดือนละ 150 ล้านโดส และจะให้ครบ 100 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ ซึ่งเอกชนก็เห็นด้วย แต่ที่ห่วงคือพอมีประชาชนซึ่งมีส่วนน้อยได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน ประชาชนส่วนใหญ่ก็กังวลว่าจะฉีดวัคซีนดีหรือไม่ฉีดดี สิ่งนี้จำเป็นต้องเร่งทำความเข้าใจให้มากขึ้น ซึ่งเอกชนก็พร้อมจะร่วมมือในการประชาสัมพันธ์” นายสุพันธุ์กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุม ครม. วันที่ 5 พ.ค.ได้เห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย 1. คณะแก้ไขปัญหาการกระจายและฉีดวัคซีน 2. คณะสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ 3. คณะสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่างๆ และ 4. คณะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม เร็วๆ นี้จะได้มีการประชุมเพื่อที่จะวางแผนในการร่วมมือสนับสนุนภาครัฐทั้งการเร่งระดมฉีดวัคซีน-19 ให้เร็วขึ้นจากแผนเดิม รวมไปถึงแนวทางการจัดหาวัคซีนของเอกชน และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีน เป็นต้น
“ขณะนี้หลายประเทศได้มีการระดมฉีดวัคซีนมากขึ้น เอกชนเองสนับสนุนภาครัฐที่จะช่วยให้การฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น เพราะหากเร็วเท่าใดการเปิดประเทศและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวก็จะเร็วตามไปด้วย เพราะหากเราเปิดช้านักท่องเที่ยวปลายปีนี้ก็อาจไม่กลับมา และเมื่อเขาไปที่อื่นกลัวว่าอาจจะไปเลยก็ได้ ทางเอกชนจึงพร้อมร่วมมือรัฐในทุกๆ ด้าน ส่วนการนำเข้าวัคซีนโดยเอกชนเองรัฐยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้น” นายสุพันธุ์กล่าว
นายสุพันธุ์กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2564 จะฟื้นตัวมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในทางปฏิบัติและการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่และการเร่งฉีดวัคซีนที่จะป้องกันและลดผลกระทบต่อการระบาดในอนาคตเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกมีสัญญาณการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลกที่หลายประเทศเริ่มมีแผนฉีดวัคซีนให้จบโดยเร็ว แต่การส่งออกของไทยเป็นเพียงกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ ภาคเกษตร ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ ดังนั้นมาตรการที่รัฐบาลออกมาล่าสุดก็คาดหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้