xs
xsm
sm
md
lg

สสว.ร่วมกับ อว.ขับเคลื่อนมาตรการ THAI SME-GP

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รศ.ดร.วีระพงศ์ มาลัย
สสว.จับมือกระทรวง อว.ขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ นำร่องเชิญชวนผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาจากกระทรวง อว. และที่เป็นคู่ค้ากว่า 30,000 รายขึ้นทะเบียน THAI SME-GP คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่วนระบบ THAI SME-GP ของ สสว. ปัจจุบันมียอดเอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนกว่า 10,000 ราย พบผู้ประกอบการ กทม.ครองแชมป์ขึ้นทะเบียนสูงสุด เชื่อมั่นสร้างโอกาสใหม่ในตลาดภาครัฐ 

รศ.ดร.วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ตามที่มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐภายใต้กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก มีการพัฒนาระบบสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ คือ www.thaismegp.com หรือ THAI SME-GP เป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้า ขึ้นทะเบียนรายชื่อและรายการสินค้าและบริการในระบบ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนกว่า 10,000 ราย ซึ่งที่ผ่านมา สสว. ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน ขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จูงใจให้ เอสเอ็มอีในเครือข่ายเข้ารับสิทธิประโยชน์จากมาตรการ

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า กระทรวง อว.ยินดีที่จะร่วมขับเคลื่อนมาตรการ THAI SME-GP ของ สสว.ให้เผยแพร่ออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนิสิต นักศึกษาในมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ที่จะร่วมเป็นเครือข่ายประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้และการขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP ไปสู่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ขณะที่สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยและหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว.กว่า 100 หน่วยงาน รวมถึงศูนย์บ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นกลไกพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและเอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้ากับหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวง อว.มีไม่น้อยกว่า 30,000 รายทั่วประเทศ จะเป็นกลุ่มนำร่องที่จะได้รับการแนะนำ อบรม ช่วยเหลือให้ขึ้นทะเบียนในระบบเพื่อรับโอกาสการเข้าสู่ตลาดภาครัฐ ซึ่งเป็นหนทางสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่เอสเอ็มอีอีกทางหนึ่ง

สำหรับมาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าที่จะเกิดแก่เอสเอ็มอีไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งกฎกระทรวงฯ กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐ เช่น ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรอิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษาของรัฐ ฯลฯ คิดเป็นหน่วยจัดซื้อถึง 114,532 หน่วยทั่วประเทศ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสินค้า/บริการจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว.หรือระบบ THAI SME-GP ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว

โดยสิทธิประโยชน์ที่เอสเอ็มอีจะได้รับผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง 2 วิธี คือ 1. วิธีคัดเลือก ซึ่งเพิ่มโอกาสให้เอสเอ็มอีในท้องถิ่น โดยกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐคัดเลือกสินค้า/บริการของเอสเอ็มอีในพื้นที่จังหวัดที่ตั้งของหน่วยงานจำนวนไม่น้อยกว่า 3 รายก่อน หากไม่มี หรือมีไม่ครบจึงหาจากพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ขึ้นทะเบียนเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างไว้กับ สสว. คือบริษัท ค๊อกโค่ (ไทยแลนด์) จังหวัดน่าน ได้รับการซื้อสินค้าจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตเรียบร้อยแล้ว 2. วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ที่ใช้เกณฑ์ราคาต่ำสุด เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการให้แต้มต่อไม่เกินร้อยละ 10 กับ SME ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ

สำหรับเอสเอ็มอีที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการ จะต้องเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา หรือวิสาหกิจชุมชนที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามนิยาม SME ที่ สสว.กำหนด คือ หากอยู่ในภาคการผลิตจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ส่วนภาคการค้าและบริการจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี ที่สำคัญจะต้องขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP

อย่างไรก็ดี ระบบ THAI SME-GP ได้มีการพัฒนาเมื่อปลายปี 2563 ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนในระบบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยภาคธุรกิจที่มีการขึ้นทะเบียนมากที่สุด คือ ภาคบริการ ส่วนสินค้าที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. เครื่องใช้และอุปกรณ์สำนักงาน 2. เฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่ง 3. ชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง 4. เทคโนโลยีและสารสนเทศ การสื่อสารและโทรคมนาคม และ 5. บริการด้านการก่อสร้างและบำรุงรักษาอาคาร ส่วนจังหวัดที่มีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และเชียงใหม่

“ในช่วงที่ผ่านมามี SME หลายรายขึ้นทะเบียนไม่ทันกับการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เนื่องจาก สสว. ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบประมาณ 7 วันทำการ ดังนั้น ถ้าไม่อยากพลาดโอกาส ขอให้เอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนไว้ล่วงหน้าและเพิ่มรายการสินค้าและบริการให้พร้อม เพื่อจูงใจให้ภาครัฐเข้ามาค้นหาและเลือกเข้าไปดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ในการขึ้นทะเบียน THAI SME-GP ผู้ประกอบการสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่าน www.thaismegp.com ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ผอ.สสว.กล่าว

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager



กำลังโหลดความคิดเห็น