xs
xsm
sm
md
lg

“บีไอจี” ส่ง “ออกซิเจน” ช่วยกู้วิกฤตโควิดที่อินเดีย รีสตาร์ทโรงแยกอากาศ 1 เพิ่มกำลังผลิตอีก 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บีไอจีรีสตาร์ทโรงแยกอากาศ 1 ที่นิคมมาบตาพุด ดันกำลังผลิตออกซิเจนเพิ่มขึ้นอีก 30% การันตีไทยไม่ขาดแคลนออกซิเจนเพื่อใช้ทางการแพทย์ ขณะเดียวกันได้จับมือบริษัทแม่ที่สหรัฐฯ ส่งออกซิเจนช่วยกู้วิกฤตโควิด-19 ที่อินเดีย

นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือบีไอจี ในฐานะผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศไทย พร้อมบริษัท แอร์โปรดักส์ แอนด์ เคมิคัลส์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบีไอจีจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้บีไอจีและบริษัทแม่จากสหรัฐฯ ได้ประสานไปยังกองทัพอากาศอินเดียในการขนส่งออกซิเจนเพื่อใช้ในทางการแพทย์ สาธารณสุข รวมถึงภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อนำไปช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอินเดีย 

“ขณะนี้อินเดียกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนออกซิเจนทางการแพทย์อย่างหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นจำนวนมาก บีไอจีและแอร์โปรดักส์จึงได้ให้ทีมวิศวกรของบีไอจีดำเนินการเรื่องออกซิเจนและภาชนะบรรจุให้สำเร็จอย่างเร่งด่วน ด้วยความช่วยเหลือของครัยโอเทค เอเซีย (Cryotech Asia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตภาชนะบรรจุออกซิเจนเหลวชั้นนำ กับเบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ และพาร์ตเนอร์ในการอำนวยความสะดวกและประสานงานทั้งหมด ผ่านการขนส่งด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดีย และได้ส่งมอบให้ตัวแทนประเทศอินเดียสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี บีไอจีจึงขอร่วมเป็นตัวแทนของประเทศไทยช่วยเหลือประเทศอินเดียด้วย” นายปิยบุตรกล่าว 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยเวลานี้ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและสังคมในวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด จากจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เข้ารักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น บีไอจีได้เตรียมความพร้อมในการรับมือด้านความต้องการออกซิเจนเหลวทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยวิกฤตที่เพิ่มมากขึ้น โดยดึงเอาศักยภาพทางเทคโนโลยีของบีไอจีเข้ามาช่วยเหลือในวิกฤตครั้งนี้ ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตออกซิเจนเหลวทางการแพทย์เพื่อช่วยผู้ป่วยโควิด-19 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำการกลับมาเดินเครื่องการผลิต (Restart) ใหม่ของโรงแยกอากาศ (Air Separation Unit : ASU) โรงงาน 1 ซึ่งเป็นโรงแยกอากาศแห่งแรกในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและไม่ได้ดำเนินการผลิตในช่วงเวลาปกติ แต่ยังมีศักยภาพในการผลิตออกซิเจน ส่งผลให้มีขีดความสามารถในการรองรับความต้องการออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นได้อีก 30% จากความต้องการในปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยพบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ป่วยหนักจำนวนมาก เมื่อเทียบกับการระบาดรอบที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย 

บีไอจีมีกำลังการผลิตออกซิเจนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกว่า 1,000 ตันต่อวัน ซึ่งมากกว่าความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ในขณะนี้อยู่ประมาณกว่า 300 ตันต่อวัน อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพการขาดแคลนออกซิเจนเหมือนหลายๆ ประเทศ ดังนั้นบีไอจีจึงได้กลับมาเดินเครื่องโรงแยกอากาศเพื่อผลิตออกซิเจนอีกครั้ง เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ด้วยกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น