กทท.เดินหน้าเปิดซอง 5 ข้อเสนอเพิ่มเติม “กัลฟ์-ปตท.ไชน่าฮาร์เบอร์” พัฒนาแหลมฉบัง เฟส 3 พร้อมตั้งคณะทำงานพิจารณาร่างสัญญาร่วมกัน และเสนออัยการสูงสุดใน พ.ค.คาดจบใน มิ.ย. พร้อมชงบอร์ดอีอีซีเคาะวันลงนาม
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ณ ห้องประชุมแตรทอง 3 ศูนย์สวัสดิการท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และ เรือโท ยุทธนา โมกขาว รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารการเงินและกลยุทธ์องค์กร พร้อมด้วยคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ ครั้งที่ 3/2564 หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบผลประโยชน์ตอบแทนภาครัฐของโครงการฯ โดยมีค่าสัมปทานคงที่มูลค่าสุทธิที่ 29,050 ล้านบาท และให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศฯ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้พิจารณาซองที่ 4 ผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงินของกลุ่ม GPC ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT TANK) บริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และมีมติเห็นชอบกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ผ่านการประเมินซองที่ 4 และได้ทำการเปิดเอกสารข้อเสนอซองที่ 5 ซองข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ต่อหน้าผู้แทนกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ซึ่งได้มีการตรวจสอบเอกสารว่ามีการปิดผนึกในสภาพสมบูรณ์เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งในการพิจารณาซองที่ 5 นั้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีมติตั้งคณะทำงานช่วยพิจารณาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และพิจารณาร่างสัญญาร่วมทุนฯ โดยมีผู้แทนของกรรมการคัดเลือกฯ จากสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงาน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะพิจารณาร่างสัญญาฯ และสรุปเสนอต่ออัยการสูงสุดพิจารณาได้ประมาณกลางเดือน พ.ค.
คาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาร่างสัญญาประมาณ 30 วัน เนื่องจากก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดได้เคยเห็นชอบร่างสัญญาเบื้องต้นไว้แล้ว และหลังจากอัยการสูงสุดเห็นชอบร่างสัญญาฯ คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะประชุมพิจารณาอีกครั้ง และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.รับทราบ จากนั้นจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่ออนุมัติร่างสัญญา และประกาศผลเพื่อดำเนินการลงนามต่อไป ทั้งนี้จะมีการรายงานต่อ ครม.เพื่อทราบด้วย
“ตามขั้นตอนคาดว่าในส่วนของคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ กทท.จะดำเนินการตามกระบวนการเสร็จภายในเดือน มิ.ย. จากนั้นจะเสนอ กพอ.เพื่ออนุมัติการลงนาม ซึ่งในขณะนี้ได้มีการเตรียมพร้อมเรื่องการลงนามคู่ขนานไปด้วยแล้ว” ผอ.กทท.กล่าว
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F วงเงิน 84,361 ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี ตามแผนงานโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 และสอดคล้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568