ครม.เคาะเพิ่มงบเวนคืนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.17 พันล้านบาท วงเงินรวมแตะ 5.74 พันล้านบาท โดยให้ใช้งบกลางปี 64 จ่ายก่อน 607 ล้านบาท เพื่อเร่งส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ใน ต.ค. นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มี.ค.ได้เห็นชอบหลักการความคืบหน้า การส่งมอบพื้นที่และการรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นำเสนอ เพิ่มค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำนวน 2,170 ล้านบาท จากกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ 3,570 ล้านบาท เพิ่มเป็น 5,740 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณมีความเห็นให้พิจารณาค่าเวนคืนตามความเป็นจริง ไม่ใช่ยึดแต่ราคาตลาด พร้อมกันนี้ ได้ทางอีอีซีพิจารณาหากมีวงเงินเหลือให้นำมาเป็นค่าเวนคืนได้
ทั้งนี้ ได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการและจัดทำไทม์ไลน์การดำเนินงาน รายงานต่ออีอีซีและกระทรวงคมนาคม ทุกเดือน เพื่อให้ช่วยกันติดตามแผนดำเนินงานให้ไปตามเป้าหมาย ซึ่งการส่งมอบพื้นที่จะแบ่งเป็น 3 ช่วง ขณะนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย คือ ส่วนนอกเมืองตั้งแต่ สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งจะออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) ให้เอกชนเข้าพื้นที่เริ่มก่อสร้างได้ ภายในวันที่ 24 ต.ค. 2564 และการส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ช่วงสุวรรณภูมิ-มักกะสัน-พญาไท) และเฟส 2 ส่วนพื้นที่ในเมืองตั้งแต่ พญาไท-ดอนเมือง มีกำหนดส่งภายใน 2 ปี หรือภายในเดือนต.ค. 2566 ซึ่งจากการติดตามความพร้อมคาดว่าจะสามารถเร่งรัดและส่งมอบได้ไม่เกิน เดือน ธ.ค. 2565
สำหรับงบค่าเวนคืนที่เพิ่มขึ้น 2,170 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ วงเงิน 607 ล้านบาท เป็นงบกลางปี 2564 ใช้สำหรับเป็นค่าเวนคืนที่ดิน ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนได้ภายในเดือน ต.ค. 2564 และ ส่วนที่ 2 วงเงิน 1,562 ล้านบาท เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 สำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสำรวจอสังหาริมทรัพย์ และเผื่อค่าอุทธรณ์เพิ่มเติม